#คําแนะนําด้านโลจิสติกส์

การจัดส่งที่ยั่งยืนกับ DHL

Leendert van Delft
Leendert van Delft
ใช้เวลาอ่าน 5 นาที
facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share
เนื้อหาในบทความ:
เนื้อหาในบทความ:
ประโยชน์ของโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน
ตัวเลือกการจัดส่งที่ยั่งยืน
การชดเชยคาร์บอนแบบ Offsetting

การขนส่งและนวัตกรรมที่ยั่งยืนมีประโยชน์อย่างไร ช่วยกําหนดเส้นทางของธุรกิจสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้จริงหรือ หาคำตอบได้ในบทความนี้เลย!

ประโยชน์ของโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมที่สําคัญและมาแรงที่สุดในขณะนี้คือ โลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการมีกลยุทธ์ที่ยั่งยืนก็สามารถส่งผลดีให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น...

ช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับแบรนด์

ผู้บริโภคหันมาให้ความสําคัญกับความยั่งยืนและสนใจแบรนด์ที่มีค่านิยมไปในทางเดียวกันกับตนเอง  88% ของผู้บริโภคจะรู้สึกภักดีมากกว่าต่อบริษัทที่สนับสนุนประเด็นทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อม  ดังนั้นการที่ธุรกิจของคุณมีการกําหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจนและมีการสื่อสารถึงเป้าหมายนั้นอย่างโปร่งใสบนเว็บไซต์หรือช่องทางต่างๆ – จะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าของคุณได้ในอนาคต

เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ

กลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนมุ่งเน้นไปที่การลดของเสียและเพิ่มประสิทธิภาพของขั้นตอนการดำเนินงาน แปลว่าผลผลิตของที่ออกมาก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ด้วยการใช้ ซอฟต์แวร์ช่วยคำนวณเส้นทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทาง คุณสามารถลดเวลาบนท้องถนนได้ หมายความว่าลดโอกาสการเกิดการเดินทางหรือระยะทางที่ไม่จำเป็น และลดการใช้เชื้อเพลิง – คุณจะได้ทั้งลดทั้งการปล่อยมลพิษและค่าใช้จ่าย

ประหยัดเงิน

แม้ว่ากลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนบางอย่างต้องการการการลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ แต่เมื่อมองในระยะยาวแล้วก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยให้ธุรกิจคุณประหยัดได้มากกว่าที่ลงทุนไป รายงานจาก McKinsey2 พบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการจัดการ Supply chain ที่ยั่งยืนของบริษัท (การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การรีไซเคิล ของเสีย และพลังงานหมุนเวียน) กับความสามารถในการทํากําไร เนื่องจากโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจและช่วยลดของเสีย ซึ่งทั้ง  2 อย่างนี้ส่งผลต่อต้นทุนของธุรกิจ

 

ตัวเลือกการขนส่งอย่างยั่งยืน

ตามข้อมูลของ Statista3 คาร์บอนที่เกิดขึ้นจากโลจิสติกส์ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซคาดว่าจะแตะประมาณ 25 ล้านเมตริกตันภายในปี 2030 

อย่างไรก็ตาม ยังมีขั้นตอนหรือวิธีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ และหากทุกบริษัทร่วมกันทำคนละไม้คนละมือก็อาจทำให้ตัวเลขการคาดการณ์ของคาร์บอนที่ถูกปล่อยออกมานั้นเปลี่ยนไปในแนวโน้มที่ดีขึ้นได้

 

แพ็คอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ความสำคัญอันดับแรกคือการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าโดยไม่มีความเสียหาย แต่อย่างไรก็ตามควรลด "พื้นที่ว่าง" ในการจัดส่งของคุณ หากคุณใส่สินค้าลงในกล่องขนาดใหญ่เกินไปและต้องใช้วัสดุกันกระแทกหรือพลาสติกจำนวนมากถือเป็นการสิ้นเปลืองวัสดุ แถมอาจมีค่าขนส่งเพิ่มเติมเกิดขึ้นอีกด้วย

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณบรรจุในกล่องที่มีขนาดถูกต้อง หรือออกแบบบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวเองตามข้อกําหนดเฉพาะของสินค้าคุณ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณได้ลดบรรจุภัณฑ์ลง เช่น การติดสติกเกอร์ "สินค้านี้ใช้บรรจุภัณฑ์น้อยลง 10%" ลงบนกล่อง เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญ จริงๆ ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากที่คุณสามารถใช้และเปลี่ยนมาเป็นโอกาสทางการตลาดได้

นอกจากนี้ วัสดุที่คุณเลือกใช้สําหรับบรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน มีตัวเลือกที่ยั่งยืนสำหรับบรรจุภัณฑ์มากมายไม่ว่าจะเป็นถุงไปรษณีย์ที่ย่อยสลายได้, กระดาษแข็งที่รีไซเคิลได้, บรรจุภัณฑ์ที่ทําจากเห็ด... ปัจจุบันมีนวัตกรรมน่าสนใจใหม่ๆ ที่เป็นอันตรายต่อโลกน้อยกว่าพลาสติก อย่าลืมที่จะนำการแพ็คสินค้า ขนาดของบรรจุภัณฑ์ และวัสดุที่ใช้ มาพิจารณาปรับให้เข้ากับธุรกิจของคุณ

เริ่มต้นลด (Insetting) และชดเชยคาร์บอน (Offsetting)

ทุกธุรกิจล้วนมีเส้นทางการปล่อยคาร์บอน (Carbon footprint) ซึ่งเป็นปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ปล่อยออกมา ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม จากกิจกรรมหรือกระบวนการต่างๆ ในธุรกิจ การชดเชยคาร์บอน (Offsetting) เกี่ยวข้องกับการ "ปรับสมดุล" ก๊าซมลพิษที่ถูกปล่อยออกมาด้วยการสนับสนุนโครงการลดคาร์บอน เช่น โครงการปลูกป่า อนุรักษ์ป่า หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียน และการจัดหาน้ําสะอาดให้กับชุมชนที่ด้อยโอกาส

ในขณะเดียวกันการลดคาร์บอน (Insetting) คือการที่ธุรกิจลงทุนในแผนการลดคาร์บอนภายใน Supply Chain ของตนเอง เช่น ผู้ผลิตเสื้อผ้าปลูกต้นไม้สำหรับผลิตเสื้อผ้าไว้ที่นอกโรงงาน ร้านอาหารปลูกผักเอง (เพื่อลดการปล่อยมลพิษของซัพพลายเออร์ระหว่างจัดส่ง) หรือธุรกิจที่เปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนในขั้นตอนการจัดส่ง 

คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มความยั่งยืนที่สําคัญในด้านโลจิสติกส์ ได้ที่นี่

 "ในระยะยาว การลดคาร์บอนที่เกิดจากการขนส่งให้มากที่สุดจะเป็นกุญแจสําคัญในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก บริษัทโลจิสติกส์ที่ได้รับความเชื่อถือควรเริ่มคำนึงถึงการพัฒนากลยุทธ์ในการลดคาร์บอน (Insetting)"

"ในระยะยาว การลดคาร์บอนที่เกิดจากการขนส่งให้มากที่สุดจะเป็นกุญแจสําคัญในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก บริษัทโลจิสติกส์ที่ได้รับความเชื่อถือควรเริ่มคำนึงถึงการพัฒนากลยุทธ์ในการลดคาร์บอน (Insetting)"

Tim Scharwath CEO DHL Global Forwarding, Freight

ขั้นตอนการคืนสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กว่า 30% ของคำสั่งซื้อออนไลน์จะถูกส่งคืนกลับไปยังผู้ส่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกําไรของธุรกิจอย่างมาก สําหรับวิธีลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการส่งคืนโดยที่ยังสามารถให้บริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้าของคุณได้ ดูคำแนะนำได้ที่แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการการคืนสินค้าของเรา

นอกเหนือจากผลกระทบด้านการเงินแล้ว การส่งคืนของลูกค้าก็ทำให้เกิดการปล่อยมลพิษจากการขนส่งเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน แต่ก็ยังพอมีวิธีที่จะทําขั้นตอนการคืนสินค้านั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่าเดิม

นั่นก็คือ Reverse logistics ที่ส่งเสริมการรีไซเคิลการนํากลับมาใช้ใหม่ การซ่อมแซมและการขายต่อเป็นสินค้ามือสองเพื่อยืดอายุการใช้งาน ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนสินค้าที่จะถูกฝังกลบน้อยลง  เพราะกว่า 67% ของผู้บริโภคมักจะตรวจสอบนโยบายการคืนสินค้าของร้านค้าออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ5 อาจทําให้คุณได้รับอานิสงค์และมียอดขายที่สูงขึ้น อ่าน คู่มือ Reverse logistics  เพื่อสร้างกลยุทธ์ในการคืนสินค้าให้กับธุรกิจของคุณเอง

 

เป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการขนส่งที่ยั่งยืน

ใน การสํารวจนักช้อปออนไลน์ทั่วโลกปี 2023 ของ DHL 64% ของผู้บริโภคในยุโรปกล่าวว่าการจัดส่งที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสําคัญสําหรับพวกเขา ดังนั้น สําหรับไมล์สุดท้ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คุณรู้ว่าจะคุยกับใคร!

ด้วย DHL Express คุณจะสามารถเข้าถึงโซลูชันการใส่และชดเชยเฉพาะที่หลากหลาย (ซึ่งคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ด้านล่าง) การเสนอตัวเลือกการจัดส่งดังกล่าวให้กับลูกค้าของคุณในขั้นตอนการชําระเงินจะสะท้อนถึงแบรนด์ของคุณได้ดีและกระตุ้นความภักดี

 

กลยุทธ์ที่ยั่งยืน: จัดส่งกับ DHL Express

เป็นที่ทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์มีส่วนสําคัญในการปล่อยมลพิษทั่วโลก และในปี 2017 นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีบริษัทโลจิสติกส์อย่าง DHL ได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 บริษัทมีแผนการหลายอย่างที่จะช่วยให้ลูกค้า – ธุรกิจเช่นคุณ – ใช้กลยุทธ์การจัดส่งที่ยั่งยืน นี่คือตัวเลือกบางส่วนที่มี

 

เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนกับ GoGreen Plus

ในปี 2023 DHL Express ได้เปิดตัวบริการ GoGreen Plus ซึ่งเป็นโซลูชันเฉพาะเพื่อช่วยให้ธุรกิจลด (แบบ Insetting) การปล่อยคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งผ่านการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน SAF เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น น้ํามันพืช ไขมันสัตว์ ของเสีย และพืชผลทางการเกษตร SAF ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้แทนเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นแบบดั้งเดิม และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล บริการนี้สามารถเลือกได้สําหรับการจัดส่งแต่ละรายการทําให้เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นสําหรับ SMEs และธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีปริมาณสินค้าน้อย

 

"เราทราบดีว่าลูกค้าของเรามุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสําคัญที่เราต้องให้วิธีการทําเช่นนั้นแก่พวกเขา ฉันดีใจที่ลูกค้าของเราสามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนใน SAF ได้อย่างเต็มที่เพื่อให้พวกเขาลดการปล่อยมลพิษจากการจัดส่งได้ ปัจจุบัน SAF เป็นเส้นทางหลักในการลดการปล่อยคาร์บอนในการบิน ดังนั้นนี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการช่วยให้ลูกค้าของเราสร้างห่วงโซ่อุปทานของตนเองให้มีความยั่งยืนมากขึ้น"

- John Pearson CEO ของ DHL Express

บริการ GoGreen Plus และการชดเชยคาร์บอน

บริการการขนส่งที่ยั่งยืน GoGreen Plus ทุ่มเทเพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เครื่องมือความโปร่งใสทางคาร์บอนของเราช่วยให้ลูกค้าสามารถวัดผลกระทบของการดําเนินงานได้ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ของ GoGreen สามารถพัฒนาคําแนะนําที่ปรับแต่งสําหรับการปรับปรุงรอยเท้าคาร์บอนของห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาเช่นการรวมการจัดส่งและการเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทาง

นอกจากนี้ ด้วยการซื้อเครดิต CO2 เราสนับสนุนโครงการ ปกป้องสภาพอากาศ GoGreen ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษทั่วโลก ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ด้วยวิธีนี้ เราสามารถรับประกันการชดเชยคาร์บอนสําหรับลูกค้าของเราที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ GoGreen ที่เป็นกลางทางคาร์บอนของเรา

รถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคตของภาคการขนส่ง และในด้านนั้น DHL มีความสําเร็จที่สําคัญหลายประการ บริษัทมุ่งมั่นที่จะปรับใช้รถยนต์ไฟฟ้า 80,000 คันสําหรับการส่งมอบไมล์สุดท้ายภายในปี 2030 ซึ่งเป็นอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 60% ของกองเรือ และไม่ใช่แค่บนท้องถนนเท่านั้น – ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2021 บริษัทได้สร้างประวัติศาสตร์การบินด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินขนส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ "Alice" ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 12 ลําจากผู้ผลิตเครื่องบิน Eviation ทั้งหมดนี้หมายความว่าลูกค้าที่จัดส่งในประเทศหรือต่างประเทศกับ DHL จะได้รับการจัดส่งสินค้าด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยลดการปล่อยมลพิษในทุกไมล์

"เรากําลังเปลี่ยนกลุ่มสีเหลืองของเราให้เป็นบริษัทสีเขียวและมีส่วนสําคัญต่อโลกและสังคมของเรา"

"เรากําลังเปลี่ยนกลุ่มสีเหลืองของเราให้เป็นบริษัทสีเขียวและมีส่วนสําคัญต่อโลกและสังคมของเรา"

Frank Appel อดีต CEO ของ DHL Express

บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

หลังจากการวิจัยพบว่า 24% ของปริมาณพัสดุอีคอมเมิร์ซเป็นพื้นที่ว่าง DHL ได้พัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้การจัดส่งคุ้มค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น "OptiCarton" รวมอัลกอริธึมการเพิ่มประสิทธิภาพกล่องที่ซับซ้อนเข้ากับวิธีการบรรจุภัณฑ์ตามความต้องการภายในศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพปริมาณการบรรจุกล่อง ซึ่งหมายความว่าลูกค้าของ DHL จะได้รับประโยชน์จากการจัดส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นพร้อมประโยชน์เพิ่มเติมจากต้นทุน    การขนส่งที่ลดลง

หากต้องการเข้าถึงโซลูชันการจัดส่งที่ยั่งยืนชั้นนําของอุตสาหกรรมที่กล่าวถึงข้างต้น และอื่นๆ อีกมากมาย ให้เปิดบัญชีธุรกิจดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เลือกอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้านล่าง