พิธีการทางศุลกากรคืออะไร
เมื่อสินค้าเข้า (นําเข้า) หรือออกจาก (ส่งออก) ประเทศ จะต้องสําแดงต่อหน่วยงานศุลกากร ซึ่งเป็นกระบวนการบังคับที่เรียกว่าการสําแดงศุลกากร โดยการสำแดงศุลกากร เจ้าหน้าที่จะทําการประเมินและตรวจสอบ - รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ - ว่าสินค้านั้นถูกกฎหมาย และเป็นไปตามข้อกําหนดหรือไม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการประเมินอากรและภาษี ซึ่งจะระบุจํานวนเงินที่ต้องชำระ หลังจากชําระเงินแล้ว เจ้าหน้าที่จะยืนยันการปล่อยสินค้าหรือ "พิธีการศุลกากร" (ซึ่งในหลายกรณีจะเกิดขึ้นในเวลาที่สินค้ามาถึงประเทศ)
เหตุใดการทําความเข้าใจกระบวนการพิธีการทางศุลกากรจึงมีความสําคัญ
เมื่อจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ หากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านศุลกากรอย่างครบถ้วน เจ้าหน้าที่อาจกักสินค้าของคุณไว้เพื่อตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม หรือตรวจสอบทางกายภาพตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด สินค้าของคุณอาจถูกเจ้าหน้าที่ยึด เป็นผลให้การจัดส่งให้กับลูกค้าปลายทางของคุณเกิดความล่าช้า และอาจมีค่าปรับและบทลงโทษที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณ
แต่ไม่ต้องตกใจ! ด้านล่างนี้ เราจะสํารวจสาเหตุหลักที่ทําให้พิธีการศุลกากรล่าช้า และขั้นตอนที่ธุรกิจของคุณสามารถทําได้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้
7 สาเหตุของความล่าช้าของพิธีการศุลกากร – และวิธีหลีกเลี่ยง
1. ข้อมูลและเอกสารที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน
ข้อมูลและเอกสารที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความล่าช้าในพิธีการศุลกากร เพื่อให้การผ่านพิธีการศุลกากรเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดเตรียมใบกํากับสินค้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Invoice) ที่ครบถ้วนและถูกต้อง รวมถึงคําอธิบายสินค้ามูลค่า พิกัดศุลกากร และข้อมูลอื่นๆ
วิธีแก้ไข: เอกสารที่สําคัญที่สุดสองฉบับที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ ใบกํากับสินค้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Invoice) และ Waybill บน Commercial Invoice สิ่งสําคัญอย่างยิ่งคือการให้คําอธิบายสินค้าโดยละเอียดและถูกต้อง ข้อมูลที่ไม่เพียงพอในส่วนนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทําให้ชิปเมนต์ล่าช้าที่ศุลกากร ดังนั้นโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณให้รายละเอียดมากเพียงพอ
คู่มือนี้ จะช่วยให้คุณกรอกข้อมูลในแต่ละส่วนของ Commercial Invoice ได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ชิปเมนต์ของคุณผ่านด่านศุลกากรโดยไม่มีปัญหาใดๆ
2. พิกัดศุลกากรไม่ถูกต้อง
พิกัดศุลกากร (HS Code) คืออะไร? Harmonized System Codes (หรือที่เรียกว่าพิกัดอัตราศุลกากร) เป็นรหัสพิกัดสินค้าที่ได้มาตรฐานทั่วโลก ซึ่งใช้เพื่อจําแนกประเภทสินค้าที่กําลังจัดส่ง หากไม่มีพิกัดดังกล่าว หน่วยงานศุลกากรจะไม่สามารถระบุเนื้อหาของชิปเมนต์ หรือคํานวณภาษีและอากรที่ต้องชําระได้
วิธีแก้ไข: คุณสามารถค้นหาพิกัดศุลกากรสําหรับผลิตภัณฑ์ของคุณผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐบาลในประเทศของคุณ หรือด้วยเครื่องมือ MyGTS (My Global Trade Services) ของ DHL
3. การประเมินมูลค่าสินค้าต่ำเกินไป
คุณจะต้องระบุมูลค่าของสินค้าบนใบกํากับสินค้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Invoice) ผู้ส่งสินค้าบางรายพยายามลดภาษีศุลกากรนําเข้าของตนโดยการประเมินมูลค่าสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในหลายประเทศทั่วโลก และอาจส่งผลให้ถูกปรับและถูกลงโทษโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร ดังนั้นเราขอแนะนําอย่างยิ่งให้ผู้ส่งสินค้าระบุมูลค่าที่แท้จริงของสินค้าเสมอ!
หากเจ้าหน้าที่ศุลกากรสงสัยว่าสินค้ามีการประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง จะทำการติดต่อผู้รับและขอให้แสดงหลักฐานการชําระเงิน หรือใบเสร็จรับเงินสําหรับสินค้าที่ซื้อ หากได้รับการยืนยันว่ามีการประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง อาจส่งผลให้มีการประเมินอากรและภาษีที่สูงขึ้นสําหรับชิปเมนต์ รวมถึงอาจถูกปรับและถูกลงโทษโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร (และอาจถูกจํากัดการจัดส่งในอนาคต)
วิธีแก้ไข: โปร่งใสและระบุมูลค่าตลาดที่แท้จริงของสินค้าที่จัดส่ง รวมถึงสกุลเงิน ต้องระบุมูลค่าอย่างถูกต้องสําหรับแต่ละรายการในใบกํากับสินค้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Invoice) คู่มือนี้จะช่วยให้คุณคํานวณและระบุมูลค่าที่ถูกต้อง
4. การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบการนําเข้า/ส่งออก
แต่ละประเทศมีกฎและระเบียบข้อบังคับด้านศุลกากรนําเข้าและส่งออกเฉพาะเพื่อควบคุมสินค้าที่ข้ามพรมแดน รวมถึงรายการสินค้าต้องห้ามและต้องกำกัด การไม่ปฏิบัติตามกฎดังกล่าวเสี่ยงต่อการที่สินค้าของคุณจะถูกระงับ ถูกปรับ หรือถูกยึด
วิธีแก้ไข: ศึกษากฎศุลกากรทั้งหมดของประเทศที่คุณส่งออกและนำเข้าอย่างละเอียด รวมถึงใบอนุญาตพิเศษ ใบอนุญาต หรือใบรับรองที่คุณอาจต้องยื่นขอ ด้วยเครื่องมือ MyGTS ของ DHL คุณสามารถตรวจสอบตัวอย่างข้อกําหนดการนําเข้าและส่งออกในแต่ละประเทศได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
5. การไม่ชําระอากรและภาษีตรงเวลา
ภาษีศุลกากรนําเข้าและภาษีจะถูกเรียกเก็บโดยหน่วยงานศุลกากรสําหรับสินค้าที่ซื้อขายระหว่างประเทศ
ต้องชําระภาษี และอากรศุลกากรนําเข้าก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปล่อยสินค้าเข้าสู่ประเทศ หากไม่ชำระจะเสี่ยงต่อการจัดส่งชิปเมนต์ล่าช้า ถูกกัก หรือแม้กระทั่งถูกส่งกลับไปยังต้นทาง
วิธีแก้ไข: เมื่อจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ คุณต้องกําหนดว่าใครจะเป็นผู้ชําระภาษี และอากรศุลกากรนําเข้า
เพื่อความสะดวกของคุณ DHL Express มีบริการชําระอากรศุลกากรนําเข้าและภาษีเหล่านี้ในนามของคุณให้กับหน่วยงานของรัฐเมื่อสินค้าของคุณมาถึงประเทศ จากนั้น DHL Express จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเหล่านี้จากคุณในภายหลัง
มีสองตัวเลือก:
- หากผู้ส่งได้เลือกตัวเลือกที่จะชําระค่าอากรศุลกากรและภาษีนําเข้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ผู้รับไม่จําเป็นต้องชําระเงินเพิ่มเติมก่อนการส่งมอบ
- หากผู้ส่งไม่ได้เลือกตัวเลือกที่จะชําระค่าอากรศุลกากรและภาษีนําเข้าไว้ล่วงหน้า ผู้รับจะถูกเรียกเก็บเงินก่อนการส่งมอบ โดยมีสองทางเลือกสําหรับการชําระเงิน:
ก. หากผู้รับมีบัญชีสมาชิก DHL DHL จะเรียกเก็บเงินจากบัญชีของผู้รับ
ข. หากผู้รับไม่มีบัญชีสมาชิก DHL DHL จะส่งลิงก์ให้ผู้รับเพื่อทำการชําระเงินออนไลน์ โปรดชําระเงินออนไลน์โดยเร็วที่สุดเพื่อให้การจัดส่งของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
6. การติดฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ ที่ไม่เหมาะสม
ฉลาก เครื่องหมาย หรือบรรจุภัณฑ์ ที่อ่านไม่ออก/ไม่สมบูรณ์ อาจนําไปสู่สินค้าที่เสียหาย ล่าช้า หรือถูกปฏิเสธได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับสินค้าที่เป็น "วัตถุอันตราย" หรือ "สินค้าอันตราย"
วิธีแก้ไข: ตรวจสอบข้อกําหนดด้านบรรจุภัณฑ์ การทําเครื่องหมาย และการติดฉลากของปลายทางของคุณอย่างรอบคอบ ตัวอย่างเช่น บางประเทศและผู้ขนส่งมีข้อจํากัดเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์บางประเภท จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพัสดุของคุณได้รับการบรรจุ ทําเครื่องหมาย และติดฉลากอย่างถูกต้อง เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบและหน่วยงานกํากับดูแลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของสินค้าของคุณ และทำให้ฉลาก หรือเครื่องหมายพิเศษใดๆ เช่น "วัตถุอันตราย" หรือ "สินค้าอันตราย" สามารถมองเห็นและอ่านได้ชัดเจนเสมอ คุณสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติที่ได้รับการรับรองของเราในกรณีที่มีข้อสงสัย
7. ขาดการสื่อสารกับหน่วยงานศุลกากร
เจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือนายหน้าศุลกากรของคุณ อาจติดต่อคุณเพื่อตรวจสอบรายละเอียดชิปเมนต์ หรือขอข้อมูลที่ขาดหายไป การไม่ตอบสนองอาจทําให้เกิดความล่าช้าได้
วิธีแก้ไข: ตอบคําถามจากเจ้าหน้าที่ทันที รวมถึงการตอบสนองต่อคําขอจาก DHL Express ด้วยเช่นกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือขาดหายไปจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว และชิปเมนต์ของคุณสามารถดำเนินการในเครือข่ายของเราต่อไปได้
MyGTS: ประตูสู่การขนส่งระหว่างประเทศที่ง่ายดาย
เพื่อเพิ่มความเร็วในการจัดส่งระหว่างประเทศและลดความซับซ้อนของพิธีการศุลกากร DHL Express ได้พัฒนา My Global Trade Services ซึ่งเป็นพอร์ทัลแบบครบวงจรที่ใช้งานง่าย
MyGTS เป็นแพลตฟอร์ม ฟรีที่ใช้งานง่าย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถนําทางผ่านกฎระเบียบการขนส่งระหว่างประเทศทั้งหมดได้อย่างราบรื่น คุณสามารถเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีธุรกิจ DHL Express ที่มีอยู่แล้ว หรือลงทะเบียนบัญชี MyGTS ใหม่เพื่อเข้าถึง:
- Pre-shipment Planner: เครื่องมือเฉพาะที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณปฏิบัติตามกฎระเบียบการนําเข้า/ส่งออกทั้งหมดและคํานวณต้นทุนที่ส่งถึงปลายทาง (Landed Cost)
- Harmonized System (HS) Codes: ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป MyGTS ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อให้คุณจําแนกประเภทภาษีที่อาจเกิดขึ้นสําหรับชิปเมนต์ของคุณ ทําให้พิธีการทางศุลกากรเร็วขึ้น ค้นหา HS Code โดยใช้ Keywords หรือ Code Directory
- Landed Cost สําหรับการจัดส่งระหว่างประเทศของคุณ: คํานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ อากรและภาษี และค่าขนส่งโดยประมาณ เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การกําหนดราคา และให้เกิดความโปร่งใสสำหรับลูกค้าของคุณเกี่ยวกับค่าจัดส่งโดยประมาณ
- คําแนะนําเกี่ยวกับข้อกําหนดการนําเข้าและส่งออกของประเทศ – เพื่อให้คุณเข้าใจข้อกําหนดที่สําคัญบางประการก่อนจัดส่ง
- คุณสมบัติแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์ (Product Catalog) – ที่คุณสามารถบันทึกการค้นหาที่ผ่านมา รายละเอียดสินค้า และ Tariff Codes เพื่อการจัดส่งซ้ำที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
คุณสามารถเข้าสู่ระบบ MyGTS ด้วยบัญชี DHL Express ที่มีอยู่ หรือลงทะเบียนบัญชี MyGTS ใหม่ คลิกด้านล่างเพื่อดูตัวเลือกของคุณ