#เกี่ยวกับDhl

DHL Express ยกระดับเน็ตเวิร์คในเอเชียแปซิฟิก ช่วยลูกค้ารับมือกับอุปสรรคทางภูมิศาสตร์

5 นาที
เครื่องบินดีเอชแอลบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อขนส่งระหว่างประเทศ

DHL Express ผู้นำด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศของโลก อัพเกรดเครือข่ายการขนส่งด่วนทางอากาศและศูนย์บริการภาคพื้นดินผ่านการปรับปรุงครั้งสำคัญทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2024 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ DHL Express เห็นจำนวนการขนส่งระหว่างประเทศมากขึ้นประมาณ 6% ระหว่างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและส่วนอื่นๆ ของโลก ในสามไตรมาสแรกของปี 2024 เทียบกับปี 2023 ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในด้านการค้าโลก การขยายการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพในระดับภูมิภาคช่วยให้ DHL Express สามารถตอบสนองต่อการเติบโตของการค้าใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งขับเคลื่อนโดยการกระจายซัพพลายเชนและปัจจัยทางภูมิศาสตร์ (geographic tailwinds)

คุณเคน ลี ซีอีโอ DHL Express ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ตลาดในเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญหน้ากับการเติบโตที่มีนัยสำคัญด้วยแรงสนับสนุนจากการกระจายตัวของซัพพลายเชนทั่วโลก แรงผลักดันเชิงโครงสร้าง และอีคอมเมิร์ซ แต่ด้วยการวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบ เราอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในความต้องการด้วยการพัฒนาที่ทันท่วงทีและมีกลยุทธ์ทั่วทั้งภูมิภาค การพัฒนาเหล่านี้ยังทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมในการสนับสนุนลูกค้าของเราในช่วงพีคซีซันที่การเข้าชมอีคอมเมิร์ซของผู้บริโภคจะพุ่งสูงขึ้น”

ในบทความนี้ เราได้รวบรวมการลงทุนและพัฒนาทั้งหมดจาก DHL Express ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เกิดขึ้นในปี 2024 มาฝากกัน

1. อัปเกรดฮับเอเชียใต้ ที่สิงคโปร์

ในปีที่ผ่านมา DHL Express ได้ขยายศูนย์สำคัญหลายแห่งในภูมิภาคเพื่อรองรับปริมาณการค้าที่เพิ่มขึ้น โดยได้ปรับปรุงฮับเอเชียใต้ที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบินชางงีในประเทศสิงคโปร์ เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณชิปเมนต์ที่คาดว่าจะเกินกว่า 20% ในปี 2021 และปี 2022 ศูนย์แห่งนี้มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ Multi-Hub ของ DHL Express สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของสิงคโปร์ในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญเพื่อให้บริการการจัดส่งที่มุ่งไปยังยุโรป อเมริกา เอเชีย และโอเชียเนีย การปรับปรุงศูนย์นี้รวมถึงการติดตั้งเครื่องตรวจเอ็กซ์เรย์ใหม่ที่เพิ่มความสามารถในการสแกนขึ้นเกือบ 30% และการปรับปรุงระบบการจัดการพัสดุที่มีอยู่เดิมเพื่อเพิ่มความสามารถในการคัดแยกขึ้นเกือบ 40%

ฮับเอเชียใต้ยังเป็นที่ตั้งของเครื่องบินขนส่งสินค้า Boeing 777 จำนวนห้าลำที่ DHL เป็นเจ้าของ โดยเครื่องบินเหล่านี้ดำเนินการโดยสายการบิน Singapore Airlines ภายใต้สัญญาการปฏิบัติงานการบินและการซ่อมบำรุง (Crew and Maintenance agreement – CM) เครื่องบินเหล่านี้มีความสามารถในการบรรทุกสินค้าสูงขึ้นกว่า 1,200 ตัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งระหว่างทวีปอเมริกาและเอเชีย รวมถึงเชื่อมโยงการค้าระหว่างทั้งสองทวีป นอกจากนี้ เครื่องบิน Boeing 777 รุ่นใหม่เหล่านี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนลง 18 ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 ของ DHL เมื่อเทียบกับเครื่องบิน B747-400 รุ่นเก่า 

2. เกตเวย์ที่ทันสมัยในกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย

ในเดือนตุลาคม ปี 2024 DHL Express ได้เปิดเกตเวย์ที่ทันสมัยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างบทบาทของมาเลเซียในฐานะจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับการจัดหาสินค้า โดยเฉพาะในด้านการผลิตไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 60 ล้านยูโร ศูนย์นี้มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 13,000 ตารางเมตรและมาพร้อมกับระบบคัดแยกพัสดุอัตโนมัติ นอกจากนี้ศูนย์ดังกล่าวยังถูกสร้างขึ้นตามแนวทางของ DHL Group สำหรับการเป็นอาคารปลอดคาร์บอนโดยมีการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ รวมถึงระบบประหยัดพลังงานสำหรับการใช้น้ำและไฟฟ้าทั่วทั้งอาคาร 

3. เที่ยวบินตรงสำหรับขนส่งสินค้าจากฮ่องกงไปจาการ์ตา อินโดนีเซีย

การปรับปรุงในภูมิภาคนี้ยังรวมถึงการสร้างเครือข่ายของบริษัทในเส้นทางการค้าที่มีความต้องการสูง ในเดือนกันยายน 2024 มีการเปิดเที่ยวบินตรงใหม่จากฮ่องกงไปยังจาการ์ตา อินโดนีเซีย เพื่อปรับปรุงเวลาขนส่งและคุณภาพการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ธุรกิจและผู้บริโภคในอินโดนีเซียจะได้รับประโยชน์จากการจัดส่งที่รวดเร็วขึ้นของการขนส่งภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีโอกาสทางการค้าที่มากขึ้นกับพาร์ทเนอร์ในเอเชีย

4. เที่ยวบินขนส่งสินค้าระหว่างซิดนีย์และฮ่องกง

เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกของโอเชียเนียได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ทันสมัยและกระบวนการศุลกากรที่มีประสิทธิภาพของบริษัท เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสและเส้นทางการค้าในภูมิภาคนี้ได้ดียิ่งขึ้น ขณะนี้มีเส้นทางการบินเฉพาะระหว่างซิดนีย์และฮ่องกงเปิดให้บริการเพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงจากภูมิภาคโอเชียเนีย เมื่อพัสดุมาถึงฮ่องกงแล้ว จะมีบริการจัดส่งในวันถัดไปไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย ไต้หวัน ไทย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม

 

5. ศูนย์การขนส่งภาคพื้นดินสองแห่งในเมืองแอดิเลด และเมืองนิวคาสเซิล ออสเตรเลีย

นอกจากความจุในการขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้นแล้ว DHL Express ยังได้เปิดใช้งานศูนย์การขนส่งภาคพื้นดินสองแห่งในเมืองแอดิเลดและเมืองนิวคาสเซิล ในออสเตรเลียในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

DHL Express ได้ตอกย้ำการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศในประเทศออสเตรเลียด้วยการเปิดเกตเวย์ใหม่ในเมืองแอดิเลดเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งได้ย้ายให้มาอยู่ใกล้สนามบินมากขึ้น ศูนย์นี้สามารถจัดการพัสดุในช่วงพีคได้เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าและปรับเวลาการขนส่งสำหรับการส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และสหราชอาณาจักรได้เร็วขึ้นหนึ่งวัน ศูนย์นี้ยังช่วยให้ธุรกิจในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงการขนส่งสินค้าทางอากาศโดยตรงทั้งเข้าและออกจากเมืองแอดิเลดและรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ลดความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาท่าเรืออื่นๆ ในออสเตรเลีย นอกจากนี้ DHL Express ได้ก่อตั้งศูนย์บริการแห่งใหม่มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในเมืองนิวคาสเซิล ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 10 เท่า โครงสร้างพื้นฐานจะช่วยให้ธุรกิจในภูมิภาคนี้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างประเทศและเข้าถึงสินค้านำเข้าที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา

6. เกตเวย์ใหม่ที่เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์

DHL Express เปิดตัวเกตเวย์ใหม่ในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อขยายฐานการดำเนินงานในประเทศ โดยศูนย์แห่งนี้ถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศและจะเป็นศูนย์การขนส่งปลอดคาร์บอน 100% แห่งแรกของ DHL Express ในนิวซีแลนด์ ระบบสายพานคัดแยกสามารถจัดการพัสดุได้สูงสุดถึง 6,500 ชิ้นต่อชั่วโมงสำหรับการนำเข้าและ 5,600 ชิ้นต่อชั่วโมงสำหรับการส่งออก ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นของนิวซีแลนด์สามารถนำเข้าและส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. ศูนย์บริการ Hong Kong West

ฮ่องกงเป็นเกตเวย์สำคัญสำหรับการค้าระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และส่วนอื่นๆ ของโลก DHL Express ได้เปิดตัวศูนย์บริการ Hong Kong West เพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงของเขตบริหารพิเศษแห่งนี้ในขณะที่เมืองเตรียมพร้อมเพื่อตอบสนองความต้องการการค้าที่เพิ่มขึ้น ศูนย์นี้สามารถจัดการชิปเมนต์ได้มากกว่า 50,000 ชิ้นต่อวันและได้รับการรองรับมาตรฐาน LEED gold (Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมรับรองอาคารสีเขียวที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

8. ความร่วมมือระหว่าง DHL Express และสายการบิน Japan Airlines

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 DHL Express และสายการบิน Japan Airlines ได้ร่วมมือกันขยายเครือข่ายการบินที่กว้างขึ้นโดยเชื่อมต่อระหว่างประเทศญี่ปุ่น โซล เซี่ยงไฮ้ และไทเป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ DHL Express ในการปรับตัวและความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของการให้บริการ

9. ศูนย์คัดแยกพัสดุอัตโนมัติในนิวเดลี อินเดีย

ในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสำหรับการกระจายการผลิต (multi-shoring)  การส่งออกโดยรวมของอินเดียยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมียอดการเติบโต 1.23% ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2022 ถึง 2023 ตามรายงานล่าสุดของ DHL Global Connectedness Tracker อินเดียยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วนการค้าโลกเพิ่มขึ้นมากที่สุด DHL Express ได้เล็งเห็นความต้องการด้านบริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นนี้ จึงได้ลงทุนและเปิดศูนย์คัดแยกพัสดุอัตโนมัติแห่งแรกในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจในท้องถิ่นในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศได้อย่างราบรื่น

10. ศูนย์บริการแห่งใหม่ในประเทศไทย

ศูนย์บริการแห่งใหม่ของประเทศไทยตั้งอยู่ที่ ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา นับเป็นศูนย์บริการแห่งที่ 15 ในไทย มีพื้นที่ปฏิบัติการ คลังสินค้าและสำนักงานรวม 2,462 ตารางเมตร นับเป็นหนึ่งในศูนย์บริการของ DHL Express ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตำแหน่งที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิช่วยย่นระยะเวลาขนส่งไปและจากศูนย์กระจายสินค้ากรุงเทพฯ (DHL Bangkok Hub) ซึ่งเป็นฮับระดับภูมิภาคสำหรับส่งออกและนำเข้าของ DHL Express ด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้ารวมกว่า 85 เที่ยวบินในหนึ่งสัปดาห์ เชื่อมต่อประเทศไทยและ 220 ประเทศและเขตปกครองพิเศษทั่วโลก

ศูนย์บริการเทพารักษ์เพียบพร้อมด้วยเครื่องตรวจพัสดุระบบเอกซเรย์แบบดูอัลวิว ระบบคัดแยกและกระจายสินค้าที่ทันสมัย รองรับทั้งชิปเมนต์น้ำหนักเบาที่สามารถลำเลียงบนสายพานได้ และชิปเมนต์ขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก โดยสามารถคัดแยกชิปเมนต์ได้สูงสุดกว่า 900 ชิปเมนต์ต่อชั่วโมงในช่วงพีค ศูนย์บริการเทพารักษ์ยังมีจุดให้บริการ (ServicePoint) สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ต้องการส่งของไปต่างประเทศด้วยตัวเอง

ศูนย์บริการเทพารักษ์ให้บริการลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ เขตพระโขนงและเขตบางนา และลูกค้าที่อยู่ในเขตอุตสาหกรรม รวมถึงเขตที่อยู่อาศัยในจังหวัดสมุทรปราการ ครอบคลุมอำเภอเมืองสมุทรปราการ เทพารักษ์ สำโรงเหนือ บางเมืองและบางปู

การลงทุนภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ DHL Express เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อความต้องการด้านการขนส่งระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปภายในภูมิภาค การลงทุนในเทคโนโลยีชั้นนำ โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ทำให้ DHL Express มีความพร้อมมากกว่าเดิมในการช่วยธุรกิจก้าวข้ามอุปสรรคความท้าทายด้านภูมิศาสตร์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการย้ายฐานการผลิตหรือฐานผู้บริโภคใหม่ๆ เราพร้อมนำเสนอโซลูชันการขนส่งด่วนระหว่างประเทศที่รวดเร็ว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเชื่อถือให้ธุรกิจทุกขนาด เพราะเราคือโลจิสติกส์พาร์ทเนอร์สำหรับการส่งออกและนำเข้าทั่วโลก