#คําแนะนําด้านโลจิสติกส์

พิธีการศุลกากร: วิธีคํานวณอากรขาเข้าและภาษี

6 นาทีอ่าน
facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share
พิธีการศุลกากร: วิธีคํานวณอากรขาเข้าและภาษี

การทําความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับอากรและภาษี หากคุณเคยรู้สึกสับสนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ หรือไม่แน่ใจว่าค่าอากรและภาษีเหล่านี้ถูกกำหนดและชำระเงินผ่านระบบออนไลน์อย่างไร คุณไม่ได้เป็นคนเดียวแน่นอน!

การรู้ว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทํางานอย่างไรไม่ใช่แค่ความจำเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งสําคัญในการดําเนินธุรกิจระหว่างประเทศให้ประสบความสําเร็จ ไม่เพียงแต่จะช่วยในการประเมินค่าใช้จ่าย และกลยุทธ์การกําหนดราคาได้อย่างแม่นยํา แต่ยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศอย่างถูกต้องด้วย นอกจากนี้ ความรู้นี้ยังเป็นเหมือนเครื่องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือความล่าช้าในกระบวนการจัดส่ง และท้ายที่สุดนี่จะเป็นสิ่งที่ปกป้องผลกําไรของธุรกิจคุณได้อย่างดี

คู่มือนี้จะแนะนําวิธีคํานวณค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและวิธีชําระเงินค่าภาษีศุลกากรผ่านระบบออนไลน์ 

ทําความเข้าใจเกี่ยวกับอากรศุลกากรและภาษี

อากรและภาษีเป็นภาระผูกพันทางการเงินที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการค้าระหว่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์สองประการ ได้แก่ การสร้างรายได้และการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ อากรและภาษีแม้ว่าจะกล่าวถึงร่วมกันบ่อยครั้ง แต่ก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันและอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่แตกต่างกัน

  • อากร อากรศุลกากร หรือ ภาษีศุลกากร – กําหนดโดยหน่วยงานศุลกากรของประเทศปลายทางเป็นหลัก วัตถุประสงค์ของอากรเหล่านี้คือ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศโดยทําให้สินค้าต่างประเทศมีราคาแพงขึ้นจึงกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศ
  • ภาษี – นี่เป็นแหล่งรายได้ที่สําคัญสําหรับรัฐบาล มีหลายรูปแบบ รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีสินค้าและบริการ (GST) หรือภาษีการขาย ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ  โดยทั่วไปจะกําหนดบนมูลค่ารวมของสินค้า 

อากรและภาษีคํานวณอย่างไร

เมื่อพูดถึงการกําหนดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง:

1. มูลค่าของชิปเมนต์

มูลค่ารวมของชิปเมนต์ของคุณเป็นพื้นฐานสําหรับการคํานวณอากรและภาษี มูลค่าที่สำแดงนี้ประกอบด้วย ราคาสินค้า ค่าประกันภัย และค่าขนส่ง ซึ่งเรียกรวมกันว่า CIF (cost, insurance, and freight) ตัวอย่างเช่น หากคุณกําลังจัดส่งชุดผ้าไหมทอมือมูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากประเทศไทยไปยังสหรัฐอเมริกา และคุณจ่าย 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับค่าประกันภัย และ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ สําหรับค่าขนส่ง มูลค่าที่สำแดงจะเท่ากับ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ นี่คือมูลค่า CIF ทั้งหมด ซึ่งเป็นจํานวนเงินที่ศุลกากรจะใช้ในการคํานวณอากรและภาษีที่ต้องชําระ

2. ลักษณะของสินค้า 

ประเภทของสินค้าที่คุณจัดส่งมีบทบาทสําคัญในการคํานวณอากรและภาษี สินค้าทุกชิ้นมีอัตราอากรเฉพาะที่ถูกเรียกเก็บ เนื่องจากสินค้าบางประเภทอาจต้องเสียอากรที่สูงขึ้นเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ ส่งเสริมการผลิตในท้องถิ่นหรือควบคุมการนําเข้าสินค้าเฉพาะด้วยเหตุผลด้านสังคม สุขภาพหรือสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น หากคุณกําลังส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับไฮเอนด์ อาจดึงดูดอากรที่สูงกว่าการจัดส่งหนังสือ

พิจารณาควบคู่ไปกับลักษณะของสินค้า พิกัดศุลกากร Harmonized System (HS) Code ซึ่งเป็นระบบการจําแนกประเภทสินค้าสากล มีผลสําคัญต่อการคํานวณภาษีศุลกากรด้วย

3. บทบาทของพิกัดศุลกากร Harmonized System (HS) Code

HS code คือระบบที่สร้างโดยองค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization - WCO) ที่ใช้โดยกว่า 200 ประเทศ สําหรับการจัดเก็บภาษี สถิติ การกําหนดนโยบาย และอื่นๆ HS Code มีหกหลัก ระบุผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่างแม่นยำและกําหนดอัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง 

รหัสนี้มีโครงสร้างในการใช้งาน โดยตัวเลขสองหลักแรกแสดงถึงหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ สองหลักถัดไประบุกลุ่มภายในหมวดหมู่นั้น และสองหลักสุดท้ายเจาะจงผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคุณกําลังส่งเครื่องประดับอัญมณีมูลค่าสูงจากประเทศไทยไปยังญี่ปุ่น ก่อนอื่นคุณต้องทราบพิกัดศุลกากรของผลิตภัณฑ์นี้โดยเฉพาะ ในกรณีนี้คือ 710300 ประเทศต่างๆ สามารถต่อท้ายตัวเลขพิเศษเพื่อการจัดประเภทที่แม่นยํายิ่งขึ้น ญี่ปุ่นเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ใช้ระบบที่มีรายละเอียดมากขึ้นโดยขยายรหัส HS เป็น 9 หรือ 10 หลัก

การศึกษาเกี่ยวกับ HS Code เป็นสิ่งสําคัญมากในการกำหนดอัตราภาษีนำเข้า และช่วยให้การดำเนินพิธีการศุลกากรเป็นไปได้อย่างราบรื่น และหลีกเลี่ยงความล่าช้าหรือบทลงโทษสําหรับการจำแนกประเภทที่ไม่ถูกต้อง DHL Express คือโลจิสติกส์พาร์ทเนอร์ที่จะช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับ HS Code ได้เพื่อให้คุณมั่นใจว่าสินค้าของคุณได้รับการจัดประเภทอย่างถูกต้อง

4. ประเทศต้นกําเนิด

ประเทศที่ผลิตหรือจัดหาสินค้า หรือที่เรียกว่าประเทศต้นทาง อาจส่งผลต่ออากรและภาษีที่ต้องชําระ ตัวอย่างเช่น หากมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง สินค้าอาจมีสิทธิ์ได้รับอัตราอากรที่ลดลงหรือเป็นศูนย์ ทําให้ธุรกิจของคุณสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้

ลองมาดูตัวอย่างการจัดส่งเครื่องประดับอัญมณีมูลค่าสูงจากประเทศไทยไปยังสิงคโปร์ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษีศุลกากรจะถูกยกเลิก ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดสามารถส่งออกจากประเทศไทย นำเข้าไปยังสิงคโปร์ได้โดยไม่มีภาษีนําเข้า โลจิสติกส์พาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น DHL Express สามารถให้คําแนะนําและความช่วยเหลือที่จําเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของคุณจะราบรื่นและปราศจากปัญหา

ให้ DHL Express ช่วยคํานวณอากรและภาษีศุลกากร

การไม่ชําระอากรและภาษีศุลกากรอาจนําไปสู่ความยุ่งยากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งที่ล่าช้า ค่าปรับ หรือแม้แต่การยึดสินค้าระหว่างการจัดส่งโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสําคัญที่จะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายเหล่านี้ในงบประมาณของการขนส่งเมื่อมีการนําเข้าและส่งออกสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าว

เมื่อส่งออกหรือนำเข้าด้วย DHL Express คุณสามารถคํานวณค่าจัดส่งทั้งหมด รวมถึงอากรศุลกากร ภาษี และค่าธรรมเนียมการนําเข้าอื่นๆ ด้วย Landed Cost Estimator ของเรา เพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจของคุณ ทำให้คุณตัดสินใจด้านราคาได้อย่างชาญฉลาดและเพิ่มผลกําไรให้ธุรกิจเพราะคุณจะทราบสิ่งที่อาจกระทบค่าใช้จ่ายของคุณทั้งหมดได้ในระหว่างการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

DHL Express หรือฉันต้องเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่าอากรและภาษีศุลกากร

DHL Express ในฐานะพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ของคุณ เราช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการนี้โดยการชำระค่าอากรและภาษีศุลกากรให้ก่อนในนามของคุณ ณ เวลาที่สินค้านําเข้าประเทศ โดย DHL จะคิดค่าธรรมเนียมการจัดการเล็กน้อย จากนั้น DHL Express จะส่งอีเมลหรือ SMS แจ้งเตือนเกี่ยวกับอากรและภาษีศุลกากรที่คุณต้องชำระ ลูกค้ามีตัวเลือกการชําระเงินได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร การชําระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือชําระเป็นเงินสดเมื่อรับสินค้า

อีกทางเลือกหนึ่งคือ พอร์ทัลการชำระเงิน Advance Duty Collection (ADC) ของ DHL Express ช่วยให้คุณสามารถชําระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ผ่านระบบออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มการชําระเงินที่ปลอดภัย บริการนี้ออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของขั้นตอนการชําระเงิน และช่วยให้สินค้าของคุณผ่านพิธีการศุลกากรได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทําไม DHL Express ถึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจ่ายภาษีอากร

เพื่ออํานวยความสะดวกในการชําระอากรและภาษีศุลกากรในนามของลูกค้า DHL Express จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม (Duty Tax Receiver Fee) เพียงเล็กน้อย ซึ่งจะถูกเรียกเก็บตามอัตราขั้นต่ำหรือเปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายที่ได้สำรองจ่ายไปก่อนหรือที่รับประกัน ค่าธรรมเนียมนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เกี่ยวข้องกับการทําธุรกรรมและช่วยรักษาประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของบริการของเรา

DHL Express ยังมีบริการเรียกเก็บอากรดังต่อไปนี้: 

  • Duty Tax Paid: DHL เคลียร์และเรียกเก็บเงินอากรขาเข้าและภาษีไปยังบัญชี DHL ที่ระบุ ณ ต้นทางของชิปเมนต์ หรือประเทศที่สามตามคําขอของลูกค้า ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจะถูกเรียกเก็บตามอัตราคงที่หรือเปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ชําระ
  • Duty Tax Importer: จะดำเนินการตามคําขอของลูกค้า โดย DHL จะเคลียร์ชิปเมนต์ และเรียกเก็บอากร ภาษี และค่าธรรมเนียมการกํากับดูแลใดๆ ไปยังบัญชี DHL ที่ระบุของผู้นําเข้าที่ปลายทาง มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมตามอัตราคงที่หรือเปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ชำระล่วงหน้า

ให้ DHL Express ช่วยคุณดำเนินพิธีการด้านศุลกากรสำหรับการนำเข้าและส่งออกสินค้าของคุณ 

การเข้าใจวิธีการทำงานของอากรและภาษีเป็นสิ่งสําคัญในการขนส่งระหว่างประเทศให้ประสบความสําเร็จ ช่วยให้พิธีการทางศุลกากรราบรื่น จัดส่งตรงเวลา และที่สําคัญไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด DHL Express มุ่งมั่นที่จะนําทางคุณผ่านกระบวนการนี้และจะจัดหาเครื่องมือและบริการที่จําเป็นเพื่อทำให้การขนส่งระหว่างประเทศง่ายสำหรับคุณที่สุด

ลดความซับซ้อนในการนำเข้าและส่งออกข้ามประเทศ เพียงตรวจสอบอัตราและทำรายการจัดส่งด้วย MyDHL+ แพลตฟอร์มการขนส่งของ DHL Express เพื่อการนำเข้าและส่งออก หรือถ้าคุณมีการส่งออกหรือนำเข้าเป็นประจำ เปิดบัญชีธุรกิจกับ DHL Express ตอนนี้ แล้วเริ่มจัดส่งเลย!