การขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมาก แพ็คเกจขนาดใหญ่ และพัสดุขนาดใหญ่ อาจเป็นเรื่องที่น่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับธุรกิจ B2B ในประเทศไทย ที่มีปริมาณการส่งออกจํานวนมาก ในกรณีเช่นนี้ บริษัทต่างๆ สามารถเลือกใช้บริการสำหรับการจัดส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากได้ อย่างไรก็ตาม บริการเฉพาะดังกล่าวอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือขาดความยืดหยุ่นในเงื่อนไขการจัดส่ง
บทความนี้จะกล่าวถึงปัญหาทั่วไปที่ธุรกิจต้องเผชิญเมื่อจัดส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากข้ามพรมแดน และวิธีที่ DHL Express จัดการกับอุปสรรคเหล่านี้ ในขณะที่ยังคงให้บริการขนส่งด่วนที่คุ้มค่า และหลากหลาย
ข้อควรพิจารณาทั่วไปเกี่ยวกับการขนส่งที่มีน้ำหนักมาก
ธุรกิจ B2B ต้องพิจารณาในเรื่องของน้ำหนักของสินค้าว่าหนักแค่ไหน และหนักเกินไปสําหรับการขนส่งด่วนหรือไม่
แม้ว่าผู้ให้บริการแต่ละรายจะมีการจํากัดน้ำหนักที่แตกต่างกัน แต่ขีดจํากัดน้ำหนักทั่วไปสําหรับหลายๆ บริษัทคือสูงสุดถึง 1,000 กิโลกรัม นอกเหนือจากน้ำหนักนี้ ธุรกิจอาจต้องสละการขนส่งด่วนแบบมาตรฐานเพื่อให้มีคุณสมบัติสําหรับการจัดส่งที่มีน้ำหนักมาก
ความท้าทายทั่วไปอื่นๆ ที่ต้องเผชิญในการจัดการกับสินค้าขนาดใหญ่ ได้แก่ :
- ปริมาณการขนส่งสูง: ธุรกิจ B2B มักจัดส่งสินค้าเป็นพาเลทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากในการจัดการและติดตาม
- สินค้าที่มีน้ำหนักมาก: ธุรกิจ B2B จํานวนมากมักจะมีการขนส่ง เช่น เครื่องจักร เครื่องมืออุตสาหกรรม และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่
- การขนส่งระหว่างประเทศ: การจัดส่งสินค้าขนาดใหญ่ หรือจํานวนมากไปต่างประเทศ จะเพิ่มความซับซ้อนให้กับกระบวนการ รวมถึงการรับรองพิธีการทางศุลกากรที่ราบรื่นและการปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศอย่างถูกต้อง
- การพิจารณาด้านต้นทุน: การหาวิธีที่ถูกที่สุดในการจัดส่งพัสดุที่มีน้ำหนักมาก หรือวิธีที่ดีที่สุดในการจัดส่งกล่องขนาดใหญ่ เป็นสิ่งสําคัญสําหรับธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุน และรักษาความสามารถในการแข่งขัน
ประโยชน์ของการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากด้วย DHL Express
เมื่อส่งออกและนําเข้าด้วย DHL Express คุณสามารถขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักสูงสุด 1,000 กิโลกรัมต่อชิ้น และน้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 3,000 กิโลกรัมต่อชิปเมนต์ ขนาดของแต่ละรายการจะต้องอยู่ในข้อกําหนดต่อไปนี้ด้วย:
- ความยาวสูงสุดต่อชิ้น 300 ซม.
- ความกว้างสูงสุดต่อชิ้น 200 ซม.
- พาเลท: พาเลทขนาดมาตรฐาน กว้าง x ยาว 120 ซม. ความสูงของพาเลทสูงสุด 160 ซม.
สิ่งนี้ทําให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเข้าถึงตัวเลือกการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมาก พร้อมประโยชน์เพิ่มเติมของการขนส่งด่วน ข้อได้เปรียบอื่นๆ ของการใช้ DHL Express สําหรับการขนส่งเครื่องจักรหนัก และความต้องการในการขนส่งพัสดุขนาดใหญ่คือ:
- ตัวเลือกการขนส่งที่ยืดหยุ่น: DHL มีตัวเลือกการขนส่งที่ยืดหยุ่น หลากหลาย เช่น การใช้กล่องขนาดใหญ่ด้วยราคาคงที่ และบริการการจัดส่งพิเศษสําหรับสินค้าขนาดใหญ่ที่เปราะบาง
- การติดตามและตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ: แพลตฟอร์ม MyDHL+ ของเราช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นการขนส่งแบบ end-to-end รวมถึงการติดตามและตรวจสอบแบบเรียลไทม์
- ความเชี่ยวชาญในการเตรียมความพร้อมสำหรับกระบวนการ และการสนับสนุนด้านศุลกากร: บริการศุลกากรของ DHL Express เช่น Multiline Entry และ Bonded Storage ช่วยให้มั่นใจได้ว่า ชิปเมนต์จะส่งถึงอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในขณะที่ยังคงปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ
- การจัดการพิเศษ: การขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากมักต้องการการจัดการ และอุปกรณ์พิเศษ ซึ่ง DHL Express สามารถให้บริการเป็นส่วนหนึ่งของบริการจัดส่งที่ครอบคลุมของเรา ด้วยบริการเสริม เช่น บริการเสริมป้องกันมูลค่าสินค้า (Shipment Value Protection), บริการเพื่อเพิ่มวงเงินคุ้มครองสำหรับการสูญหายหรือเสียหายของเอกสารสำคัญ (Extended Liability) และ บริการรับเอกสาร/พัสดุตรงจากผู้ส่ง (Dedicated Pickup) ช่วยให้มั่นใจได้ว่าชิปเมนต์จะยังคงได้รับการปกป้องตลอดเส้นทางการขนส่ง