ในการทำการค้าทั่วโลกมักจะมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการสร้างกำไรและขาดทุนของธุรกิจ หนึ่งในเรื่องที่มีความซับซ้อนเป็นลำดับต้นๆของการค้าทั่วโลกคือเรื่องของพิกัดศุลกากรในระบบฮาร์โมไนซ์ (Harmonized System Code: HS Code) ซึ่งเป็นรากฐานที่สําคัญในการค้าระหว่างประเทศ สำหรับธุรกิจไทยที่ต้องการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดโลกนั้นการเข้าใจระบบฮาร์โมไนซ์ (HS Code) นั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรต้องรู้ ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงความแตกต่างของ HS codes โดยจะอธิบายถึงโครงสร้าง ความสำคัญและผลกระทบของ HS code มีที่ต่อการขนส่งระหว่างประเทศ
ที่มาและวัตถุประสงค์ของรหัส HS
ระบบฮาร์โมไนซ์ (Harmonized System Code: HS Code)ถูกสร้างขึ้นในปี 1988 โดยองค์การศุลกากรโลก (WCO) ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญในการค้าระหว่างประเทศ HS code ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้การจำแนกผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อขายในปัจจุบันมีความเป็นมาตรฐานเดียวกันและชัดเจนมากขึ้น ระบบ HS code ได้รับการยอมรับและนำมาใช้แล้วในกว่า 200 ประเทศ ซึ่งครอบคลุมถึง 98% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก
สําหรับธุรกิจในประเทศไทยในฐานะสมาชิกสําคัญของกลุ่มการค้าอาเซียน การตรวจสอบ ทําความเข้าใจและใช้ HS code อย่างเชี่ยวชาญเป็นสิ่งจําเป็น ในแต่ละรหัสสินค้าจะถูกจัดประเภทอย่างเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าการทําธุรกรรมมีความโปร่งใสและสอดคล้องกัน รหัสเหล่านี้มีความขัดเจนจึงช่วยให้การทำการค้ามีความสะดวกราบรื่น รวมไปถึงช่วยเรื่องจัดสรรภาษีที่ถูกต้องและกระบวนการทางศุลกากรที่รวดเร็วด้วย
โครงสร้างของรหัส HS
เมื่อมองแวบแรก HS code อาจดูเหมือนเป็นลําดับตัวเลขง่ายๆสําหรับผู้ใช้ในการค้นหาหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ของตนเอง อย่างไรก็ตามตัวเลขแต่ละหลักในรหัสนี้มีความหมายซึ่งเป็นข้อมูลที่สําคัญสําหรับการค้าระหว่างประเทศ ระบบ HS code ที่ใช้กันทั่วโลกเป็นไปตามโครงสร้างที่มีรายละเอียดและตรรกะซึ่งสามารถแยกย่อยได้ดังนี้:
ตัวเลขสองหลักแรก (ตอน): ตัวเลขสองตัวแรกนี้จะเหมือนกันในทุกประเทศและบ่งบอกถึงหมวดหมู่หรือบทที่กว้างๆของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น ในพิกัดศุลกากร '0902.10' '09' หมายถึง "กาแฟ ชา มาเต และเครื่องเทศ"
ตัวเลขสองหลักถัดไป (หัวเรื่อง): ชุดนี้เจาะลึกลงไปอีกเล็กน้อย โดยจะระบุกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายในบทให้แคบลง ตัวอย่างเช่น '0902.10' เลข '02' จะระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะ "ชา ไม่ว่าจะปรุงแต่งกลิ่นรสหรือไม่ก็ตาม"
ตัวเลขสองหลักสุดท้าย (หัวเรื่องย่อย): ตัวเลขเหล่านี้มีการจัดประเภทที่เฉพาะเจาะจงที่สุด เช่น '0902.10' '10' หมายถึง "ชาเขียว (ไม่หมัก) บรรจุหีบห่อน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม"
ดังนั้นหากคุณต้องจําแนกชาเขียวออร์แกนิกที่ผ่านการรับรอง (ปรุงแต่งรส) รหัส HS จะเป็น 0902.10
เพื่อให้เห็นถึงความสําคัญและความลึกของHS code เพิ่มเติม ให้พิจารณาตามนี้: รหัสที่ขึ้นต้นด้วยตัวเลขที่ระบุว่าเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ อาจระบุหมวดหมู่ให้แคบและเฉพาะเจาะจงได้ เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสําหรับรถยนต์ไฟฟ้าหรือหัวเทียนสําหรับเครื่องยนต์สันดาปภายใน แนวทางที่เป็นระบบในการจําแนกประเภทสินค้าโภคภัณฑ์นี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกฝ่ายที่ทำการซื้อขายตั้งแต่ซัพพลายเออร์และผู้ซื้อไปจนถึงเจ้าหน้าที่ศุลกากรมีความเข้าใจที่ชัดเจนและตรงกันเกี่ยวกับสินค้าที่ทำการขนส่ง
ประเทศต่างๆ อาจขยายรหัส HS สําหรับรายละเอียดผลิตภัณฑ์ปลีกย่อย แต่ตัวเลขหกหลักพื้นฐานยังคงสอดคล้องกันในระดับสากล สิ่งนี้ทําให้มั่นใจได้ถึงการจัดหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกันไม่ว่าจะนําเข้าหรือส่งออกสินค้าที่ประเทศใดก็ตาม
สําหรับธุรกิจไทยนี่ไม่ใช่แค่ระบบการเข้ารหัสเท่านั้น ความพร้อมใช้งานของแพลตฟอร์มออนไลน์สําหรับการค้นหา HS code ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินค้าของคุณจะถูกแสดงอย่างถูกต้องในเอกสารการจัดส่ง เพื่อความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศที่ราบรื่นและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
บทบาทของ HS code ในการค้า โลก
HS code มีบทบาทหลายแง่มุมในการทำการค้าระหว่างประเทศ ในเบื้องต้น HS code เป็นพื้นฐานสําหรับการคํานวณภาษีและอากร สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยํา จึงทําให้สามารถกําหนดราคาและกลยุทธ์การขายได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น
นอกจากนี้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ซื้อขายทั้งหมดจัดอยู่ในระดับสากลภายใต้ระบบ HS code รัฐบาลและองค์กรการค้าสามารถค้นหาและรวบรวมข้อมูลที่กว้างขวางได้ ชุดข้อมูลดังกล่าวมีค่ามาก เพราะไม่เพียงแค่ใช้เก็บข้อมูลสถานการณ์การค้าในปัจจุบัน แต่ยังช่วยผู้วางนโยบายและธุรกิจในการระบุตลาดเกิดใหม่ คาดการณ์แนวโน้มการค้า และกําหนดนโยบายการค้าในอนาคต โดยพื้นฐานแล้วแม้ว่า HS code จะช่วยให้การค้าในปัจจุบันดําเนินไปอย่างราบรื่น แต่ก็เป็นการวางรากฐานสําหรับกลยุทธ์การค้าในอนาคตด้วย