มีเหตุผลอะไรบ้างที่คุณจะลาออกจากงานที่มีรายได้สูงและได้กำไรดี สำหรับนักดำน้ำตัวยงสองคน การต่อสู้อย่างเร่งด่วนกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้พวกเขาเลือกมาอยู่บนเส้นทางสู่ความยั่งยืนนี้
เมื่อปี พ.ศ. 2559 ผู้ก่อตั้ง Alive 2 Dive ได้เริ่มต้นธุรกิจและตั้งฐานการดำเนินงานในภูเก็ต เพราะมีแหล่งดำน้ำที่จัดตั้งขึ้นและอุตสาหกรรมการดำน้ำที่เติบโตเต็มที่ แต่ระหว่างการดำน้ำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในคุณภาพของแนวปะการังที่พวกเขาไปเยี่ยมชม เนื่องจากการฟอกขาวของปะการังกลายเป็นเรื่องที่เกิดมากขึ้น นอกเหนือจากนั้น ความหลากหลายทางชีวภาพก็ลดลงด้วย
ความจริงแล้วประเด็นนี้ไม่ได้อยู่เฉพาะที่ภูเก็ต ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสารเคมีที่เป็นอันตรายจากผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทำให้มหาสมุทรและแนวปะการังของโลกตกอยู่ในอันตราย ด้วยประเทศต่างๆ ที่ห้ามใช้สารกรองรังสียูวีแบบเคมีในครีมกันแดด ผู้บริโภคจึงมองหาตัวเลือกการดูแลผิวที่เป็นธรรมชาติ ยั่งยืน และเป็นมิตรกับมหาสมุทร
แต่ระหว่างการดำน้ำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในคุณภาพและความหลากหลายทางชีวภาพของแนวปะการังที่พวกเขาดำน้ำลงไปชม เนื่องจากการฟอกขาวของปะการังกลายเป็นเรื่องที่เกิดมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้เกิดแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับชีวิตในมหาสมุทร
สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งคู่สร้างแบรนด์ครีมกันแดดที่ปลอดภัยต่อแนวปะการัง ภายใต้ชื่อ Reef Repair พวกเขามุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างด้วยการส่งเสริมตัวเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ 100% เพื่อสร้างครีมกันแดดที่ไม่เป็นอันตรายต่อแนวปะการังหรือสิ่งมีชีวิตในทะเล
“ครีมกันแดด Reef Repair ทำให้เราสามารถดำน้ำได้อย่างสบายใจ ในขณะเดียวกันก็ช่วยแนวปะการังในพื้นที่ของเราด้วย การขายผลิตภัณฑ์นี้ให้กับนักดำน้ำช่วยมอบโอกาสให้แนวปะการังได้เติบโต รักษา และซ่อมแซมตัวเอง” ผู้ก่อตั้ง Alive 2 Dive กล่าว
แต่เส้นทางสู่การฟื้นฟูเป็นกระบวนการที่ยาวนาน และมีจุดเริ่มต้นจากการค้นหาสาเหตุของการฟอกขาวของปะการัง
อันตรายจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ต่อแนวปะการัง
แนวปะการังเป็นตัวกรองที่ละเอียดอ่อนซึ่งรับสารอาหารจากมหาสมุทรโดยรอบ และมักจะทำหน้าที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหลากหลายสายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อแนวปะการังทั่วโลก จากข้อมูลของ Global Coral Reef Monitoring Network อุณหภูมิของมหาสมุทรที่สูงขึ้นได้คร่าชีวิตแนวปะการังของโลกไปประมาณ 14% ระหว่างปีพ.ศ. 2552 ถึง 2561 สิ่งสกปรกหรือน้ำที่ไหลบ่าจากฝนตกหนักและอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำลายสาหร่ายที่เป็นอาหารของปะการัง ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถทำให้เกิดปะการังฟอกขาวได้
แม้ว่าปะการังที่ฟอกขาวเพียงเล็กน้อยหรือปานกลางสามารถฟื้นตัวได้ แต่ปะการังที่ฟอกขาวอย่างรุนแรงก็มีอัตราการตายสูง นอกจากนี้ยังไวต่อสารออกฤทธิ์ทางเคมีที่พบได้ทั่วไปในครีมกันแดดอีกด้วย ตัวอย่างเช่น Oxybenzone หยดเดียวในน้ำ 4 ล้านแกลลอนก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและทำลายแนวปะการัง
น่าเสียดายที่หลายบริษัทมักจะปิดบังชื่อสารเคมี โดยระบุคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ค่อยคุ้นเคย เพื่อทำให้ลูกค้าสับสนในการซื้อผลิตภัณฑ์ของตน
ตอบโจทย์ครีมกันแดดที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และปลอดภัยต่อแนวปะการัง
แม้ว่าครีมกันแดดที่ปลอดภัยต่อแนวปะการังมีจำหน่ายในร้านอุปกรณ์ดำน้ำรอบๆ ชายหาดของภูเก็ต แต่ลูกค้าจำนวนมากก็ยังไม่พึงพอใจกับแบรนด์ที่นำเข้ามา บางคนถึงกับร้องขอการคืนเงินสำหรับครีมกันแดดที่หนาเกินไปจนทิ้งคราบมันสีขาวที่ยากต่อการทำความสะอาดชุดดำน้ำและอุปกรณ์ดำน้ำ
เพื่อจัดการกับปัญหานั้น ผู้ก่อตั้ง Alive 2 Dive ได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์กันแดดที่ปลอดภัยต่อแนวปะการัง เป็นมิตรกับผู้ใช้ และราคาไม่แพง การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นกระบวนการที่น่าเบื่อ ผู้ก่อตั้งใช้ความพยายามถึง 43 ครั้งและใช้เวลาหนึ่งปีเพื่อให้ได้สูตรที่ถูกต้องและการทดสอบความเสถียรในขั้นตอนการพัฒนา เพื่อให้แน่ใจว่าสุดท้ายแล้ว ครีมกันแดดอย่าง Reef Repair จะมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
สิ่งที่ทำให้กระบวนการของ Alive 2 Dive ง่ายขึ้นคือมาตรฐานความปลอดภัยของลูกค้าที่แข็งแกร่งในประเทศไทย งานแสดงสินค้าเครื่องสำอางในกรุงเทพฯ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็
นส่วนใหญ่ ทำให้ทีมงานสามารถจัดหาส่วนผสมที่ยั่งยืน คุณภาพดีและราคาย่อมเยาได้อย่างสะดวก
ส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในครีมกันแดด Reef Repair หรือผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อแนวปะการังที่คล้ายกันคือ Zinc oxide ซึ่งเป็นแร่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีประวัติที่พิสูจน์แล้วในเรื่องความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ การป้องกันแสงแดด และความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพิษต่อแนวปะการังน้อยกว่ามาก
สร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน
แบรนด์ Alive 2 Dive เป็นสมาชิก Blue pass ของ Oceans For All และได้ร่วมมือกันตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนแนวปะการังในท้องถิ่นและความพยายามในการอนุรักษ์ปลาฉลาม ทีมงานยังใช้เวลามากมายในการเตรียมสื่อการเรียนรู้ที่ช่วยให้ร้านดำน้ำและผู้ให้บริการเรือให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทร เยี่ยมชมโรงเรียน และเข้าร่วมโครงการอนุรักษ์เพื่อสื่อสารใจความสำคัญเกี่ยวกับการอนุรักษ์แนวปะการังออกไปในวงกว้าง
เนื่องจากโรงเรียนและร้านค้าปลีกสามารถเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ได้มากขึ้น สิ่งนี้จะสร้างวงจรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น กระจายข้อความได้เร็วกว่าการทำการตลาดไปยังลูกค้ารายบุคคล
ผู้ก่อตั้ง Alive 2 Dive กล่าวว่า "เราหวังอย่างยิ่งที่จะนำเสนอข้อความที่ชัดเจนแก่ลูกค้าของเราเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องและอนุรักษ์สิ่งที่เหลืออยู่ ในระหว่างที่เรากำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง แรงกดดันของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นต่อมหาสมุทรและสิ่งแวดล้อม"
ทีม Alive 2 Dive ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก สำหรับในด้านอื่นๆ พวกเขาเลือกใช้ขวดพลาสติกที่ลดการปล่อยคาร์บอนและรีไซเคิลได้ง่าย และยังเลือกใช้กระดาษที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและบรรจุภัณฑ์ด้านในที่เป็นกระดาษแข็ง รวมถึงกำลังมองหาตัวเลือกพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน เช่น พลาสติกเรซินจากอ้อย
โลจิสติกส์ที่ยั่งยืนตั้งแต่ต้นจนจบ
ด้วยความต้องการครีมกันแดดธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อแนวปะการังเพิ่มสูงขึ้น ครีมกันแดด Reef Repair จึงเป็นที่ต้องการในหลายๆ ประเทศ โดยสหรัฐอเมริกาที่กำลังกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด และเพื่อรองรับฐานลูกค้าในต่างประเทศที่กำลังเติบโต เครือข่ายโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการขนส่ง
ทีมงาน Alive 2 Dive มีการวางกลยุทธ์ด้านอีคอมเมิร์ซที่ยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย ผ่านการใช้บริการ GoGreen Plus เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนแบบ end-to-end โดยบริการนี้เป็นการลดการปล่อยคาร์บอนแบบ insetting ซึ่งใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนในการขนส่งสินค้าทางอากาศ โดยเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนนี้ผลิตจากน้ำมันเหลือทิ้ง ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงเครื่องบินทั่วไป
“ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นจะช่วยให้บริษัทต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 3) ภายในห่วงโซ่อุปทานโดยรวมของพวกเขาได้” เฮอร์เบิร์ต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีนกล่าว
ที่สำคัญกว่านั้น ลูกค้าสามารถใช้ GoGreen Plus ซึ่งเป็นไปตามหลัก Science Based Target Initiative (SBTi) เพื่อวัดปริมาณการรายงานการปล่อยมลพิษโดยสมัครใจ
“การลดการปล่อยคาร์บอนสำหรับการขนส่งของเราเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องที่เรามีในการทำงานเพื่อการขนส่งที่ยั่งยืน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ของ DHL ที่คอยแนะนำแนวทางต่างๆ ด้าน GoGreen อย่างสม่ำเสมอ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนนี้ ชีวิตของเราในฐานะผู้ขายออนไลน์คงจะยากขึ้นและมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องมากกว่าเดิม” ผู้ก่อตั้ง Alive 2 Dive กล่าว
จัดการกับความท้าทายในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
จากเรื่องราวทั้งหมด ผู้ก่อตั้งรับรู้ถึงความมีส่วนร่วมในการจัดการความท้าทายนี้ ตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด ครีมกันแดด Reef Repair มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นตระหนักถึงผลกระทบของสารเคมีในครีมกันแดดที่มีต่อแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตในทะเล การห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ชายหาด เช่น อุทยานแห่งชาติทางทะเลในประเทศไทย มีส่วนทำให้ครีมกันแดด Reef Repair ได้รับความนิยมเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีพ.ศ. 2563 เมื่อมีการจำกัดการเดินทางและการล็อกดาวน์ ความต้องการครีมกันแดด Reef Repair ก็หายไปเกือบทั้งหมด แบรนด์ประสบกับปัญหายอดขายที่ลดลง 90% และช่องทางการขายส่งลดลงเกือบทั้งหมด ลูกค้าบางส่วนยังส่งคืนผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาซื้อไปในช่วงก่อนโควิดแต่ไม่ได้ใช้ด้วย
แต่ทีม Alive 2 Dive ก็ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ ท่ามกลางการลดต้นทุน ทีมงานเปลี่ยนการขายออนไลน์และการโฆษณาเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากธรรมชาติ นอกเหนือจากการสร้างความปลอดภัยของแนวปะการังอย่างเดียว ด้วยทิศทางการตลาดใหม่ และการปรับราคาลดลง ยอดขายออนไลน์ก็เริ่มดีขึ้น และแบรนด์กลับมามียอดขายสุทธิสูงสุดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2564
ส่วนแผนการในอนาคต Alive 2 Dive จะแนะนำครีมกันแดด Reef Repair นี้ไปยังฐานผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมซึ่งกำลังมีมากขึ้นในสหราชอาณาจักร ทีมงานยังได้ก่อตั้งแบรนด์ในเครือ Earth Repair ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิววีแกน ไม่ทดลองกับสัตว์ และเป็นธรรมชาติ 100% พวกเขากำลังเตรียมที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกอีกด้วย นั่นคื มอยส์เจอไรเซอร์แบบวีแกนที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
“สำหรับ Reef Repair สิ่งสำคัญสำหรับเราคือการให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาสามารถช่วยอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้ ส่วน Earth Repair นั้น เราต้องการกระจายข้อความให้มากขึ้น และเราหวังว่าผู้คนที่เราเข้าถึงจะเรียนรู้ที่จะตระหนักมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังทาลงบนผิว และผลกระทบของสารเคมีสังเคราะห์ที่อาจมีต่อพวกเขาเอง เช่นเดียวกับผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม” ผู้ก่อตั้ง Alive 2 Dive กล่าว
บทความนี้แปลจากบทความต้นฉบับที่เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ DHL’s Logistics of Things และได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ซ้ำ