#คําแนะนําสําหรับSme

สํารวจกลยุทธ์ CHINA +1 และผลกระทบต่อธุรกิจ

5 นาทีอ่าน
facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share
สํารวจกลยุทธ์ CHINA +1 และผลกระทบต่อธุรกิจ

ในยุคที่การค้าโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กลยุทธ์ China Plus One หรือที่เรียกว่า Plus One หรือ CHINA +1 ได้กลายเป็นแนวทางสําคัญสําหรับธุรกิจทั่วโลก รวมถึงภาคการผลิตของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย กลยุทธ์นี้มุ่งเป้าไปที่การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศของจีน ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งท่ามกลางความท้าทายจากโควิด-19 และความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น บทความนี้จะอธิบายถึงที่มาของกลยุทธ์ China Plus One และความสําคัญเชิงกลยุทธ์ โดยจะชี้ให้เห็นว่าแนวทางนี้ช่วยวางกรอบการทํางานสําหรับการบริหารความเสี่ยงให้กับธุรกิจไทย โดยผ่านการกระจายความเสี่ยงและการรักษาช่องทางการค้าใหม่ๆได้อย่างไร ด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบและระบุว่าภาคส่วนใดจะมีความได้เปรียบ จะทำให้ธุรกิจกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์จาก CHINA +1 เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของธุรกิจไทยในช่วงที่เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้

ทําความเข้าใจผลกระทบของกลยุทธ์ CHINA +1 

หัวใจสําคัญของกลยุทธ์ CHINA +1 เกี่ยวข้องกับการขยายการผลิตและการจัดหาสินค้าไปยังประเทศอื่นๆนอกเหนือจากประเทศจีน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและลดการพึ่งพาตลาดเดียว แนวทางนี้เปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างมีนัยสําคัญ ด้วยการนำการจัดการความเสี่ยงและการกระจายความเสี่ยงที่สำคัญมาใช้สําหรับอุตสาหกรรมในภาคการผลิตของไทย การใช้ CHINA +1 ในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน จะทำให้มีการพึ่งพาซัพพลายเออร์จีนน้อยลง และเป็นจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ในการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตลาดทางเลือก

การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ดังกล่าวมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและการค้าในระดับโลกเป็นอย่างมาก โดยธุรกิจต่างๆ ต้องกลับมาทบทวน และกระจายโมเดลธุรกิจของตน รวมทั้งกระตุ้นให้ธุรกิจไม่เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ส่งออกของจีนเท่านั้น แต่ยังต้องมองหาโอกาสในตลาดที่กำลังเติบโตอื่นๆ ด้วย การกระจายความเสี่ยงนี้ไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการเดินหน้าแบบเชิงรุกเพื่อหาโอกาสในการเติบโตใหม่ๆ ในการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย

 

ใครได้ประโยชน์จากกลยุทธ์ CHINA +1

กลยุทธ์ CHINA +1 เผยให้เห็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับภาคส่วนต่างๆ ในอุตสาหกรรมการผลิตของไทย จากการกระจายห่วงโซ่อุปทานให้กว้างขึ้นแทนการพึ่งพาจีนเพียงประเทศเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ สิ่งทอ และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์อย่างมาก อีกทั้งการรวมตัวกันของตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดียและเวียดนาม ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้มีแรงงานที่มีต้นทุนต่ำและมีศักยภาพในการผลิตเฉพาะทาง ซึ่งช่วยเสริมจุดแข็งด้านการผลิตของไทยและลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ "Made in China" ลง

ยิ่งไปกว่านั้น อุตสาหกรรมการผลิตส่วนประกอบไฮเทค อุปกรณ์พลังงานหมุนเวียน และบริการดิจิทัล ยังได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์  CHINA +1 นี้ จากการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ส่งออกของจีน และใช้ประโยชน์จากตลาดทางเลือก กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผลิตของจีนเท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์จากศักยภาพในการเติบโตในที่อื่นๆ อีกด้วย ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตของจีนและข้อดีของตลาดอื่นๆ เช่น อินเดียและเวียดนาม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทไทยที่ต้องการห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและหลากหลายมากขึ้น

 

CHINA +1 โอกาสกลยุทธ์สําหรับธุรกิจไทย

การนำยุทธศาสตร์ CHINA +1 มาใช้ช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจไทย โดยกลยุทธ์นี้ทำให้บริษัทของไทยสามารถขยายการเข้าถึงตลาด สร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันได้โดยการรวมศูนย์กลางการผลิตเพิ่มเติมเข้าในการดำเนินการของตน กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จคือการทำความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ผลกระทบด้านต้นทุน และความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์จากการนำพันธมิตรรายใหม่ในห่วงโซ่อุปทานเข้ามารวมกับโครงสร้างของธุรกิจ

 CHINA +1 จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานที่ครอบคลุม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตและบริษัทของไทยสามารถประเมินประเทศใหม่ๆหรือประเทศ Plus One ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน สิ่งที่ควรพิจารณา ได้แก่ :

  • ความคุ้มค่าในการดําเนินงาน: การประเมินศักยภาพทางการเงินของการขยายการดําเนินงานไปยังประเทศใหม่ที่เลือก
  • การเข้าถึงการขนส่งระหว่างประเทศ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์รองรับการจัดส่งทั้งไปและกลับจากประเทศหรือตลาดใหม่นั้นอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา
  • ความแข็งแกร่งของระบบนิเวศการผลิต: เลือกตลาดหรือประเทศใหม่ที่มีระบบนิเวศการผลิตที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยเสริมความสามารถทางอุตสาหกรรมและความต้องการของห่วงโซ่อุปทานของประเทศไทย

การประเมินเชิงกลยุทธ์นี้ครอบคลุมไปถึงการทําวิจัยตลาดโดยละเอียดเพื่อระบุภูมิภาคที่สอดคล้องกับความสามารถในการผลิตและโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของประเทศไทย รวมทั้งกฎหมายและข้อบังคับ คุณภาพโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพตลาดแรงงานของประเทศที่มีศักยภาพ  เช่น เวียดนามและอินเดีย จำเป็นต้องมีการรตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ด้วยการวางแผนเชิงกลยุทธ์และคำนึงถึงประเด็นเหล่านี้ ธุรกิจของไทยจะสามารถรับมือกับโอกาสและความท้าทายที่เกิดจากกลยุทธ์ CHINA +1 ได้อย่างเหมาะสม การนำกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงนี้มาใช้จะช่วยลดความเสี่ยงและช่วยวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ให้กับธุรกิจของไทยเพื่อเติบโตในระดับนานาชาติได้อย่างยั่งยืน

DHL Express สามารถช่วยธุรกิจไทยได้อย่างไร

DHL Express พร้อมช่วยเหลือธุรกิจไทยในการปรับตัวสู่กลยุทธ์ CHINA +1 โดยนําเสนอโซลูชั่นโลจิสติกส์ที่ปรับแต่งให้สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละธุรกิจ ความเชี่ยวชาญของเราในการขนส่งระหว่างประเทศช่วยให้เราสามารถอํานวยความสะดวกในการจัดส่งจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าการกระจายห่วงโซ่อุปทานของคุณจะเป็นไปอย่างราบรื่น

ด้วยการนําเสนอโซลูชั่นด้านโลจิสติกส์ที่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ เราจึงมั่นใจได้ว่าการปรับตัวเข้ากับตลาดใหม่ การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ครอบคลุมหลายประเทศ และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการด้านโลจิสติกส์ในการกระจายฐานการผลิตของคุณจะราบรื่น 

DHL Express เข้าใจดีว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดใหม่ครอบคลุมมากกว่าแค่การขนส่งสินค้า DHL Express จึงนําเสนอเครื่องมือ และทรัพยากรที่จําเป็น ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ และด้านกฎระเบียบต่างๆ:

  • บริการ On Demand Delivery: โซลูชั่นการจัดส่งที่ยืดหยุ่นของเราช่วยให้ผู้รับสามารถปรับเวลา และสถานที่จัดส่งได้ ซึ่งช่วยสร้างความพึงพอใจของลูกค้าในพื้นที่ใหม่ๆได้มากขึ้น
  • MyDHL+ ซึ่งเป็นเครื่องมือการจัดส่งที่ครอบคลุม ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการชิปเมนต์ ตั้งแต่การสร้างและติดตามชิปเมนต์ ไปจนถึงกําหนดเวลาการรับสินค้า MyDHL+ ช่วยลดความยุ่งยากในกระบวนการนําเข้า ทําให้ธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงการค้าระหว่างประเทศได้มากขึ้น แพลตฟอร์มนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สําหรับธุรกิจที่เตรียมพร้อมที่จะโตไประดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการเรื่องโลจิสติกส์ระหว่างประเทศจะเป็นไปอย่างราบรื่น

ด้วยโซลูชั่นโลจิสติกส์ที่ปรับแต่งได้ของ DHL Express และเครื่องมือเชิงกลยุทธ์เต็มรูปแบบ บริษัทไทยจึงมีความพร้อมในการรับมือกับกลยุทธ์ CHINA +1 และช่วยให้สามารถเอาชนะความท้าทายด้านโลจิสติกส์ และอํานวยความสะดวกในการบูรณาการตลาดอย่างราบรื่น ส่งผลให้ธุรกิจไทยก้าวไปสู่ความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นด้วย DHL Express และ CHINA +1

การนำกลยุทธ์ China Plus One มาใช้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสําหรับธุรกิจไทยในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก และการเป็นพันธมิตรกับ DHL Express เองก็ช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ธุรกิจของคุณได้ เพราะเรามีเครือข่ายทั่วโลก และมีความเชี่ยวชาญด้านศุลกากรเชิงลึก เรียกได้ว่า DHL Express เป็นพาร์ทเนอร์ที่ตอบโจทย์สําหรับบริษัทต่างๆ ที่ต้องการบุกไปยังตลาดใหม่ เราสนับสนุนให้ธุรกิจไทยปรับตัวในเชิงรุก และวางกลยุทธ์ CHINA +1 อย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจไทยจะแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศได้

เปิดบัญชีธุรกิจกับ DHL Express วันนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ CNINA +1