#คําแนะนําเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ

คู่มือส่งออกไปอินเดีย หนึ่งในอนุทวีปที่กำลังเติบโต

Tapovi Chaudhary
Tapovi Chaudhary
Tapovi เป็น Marcoms และ Digital Marketing Manager ของ DHL Express India
8 นาที
คู่มือส่งออกไปอินเดีย หนึ่งในอนุทวีปที่กำลังเติบโต

อินเดียถือเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ส่งออกเนื่องจากมีภาคอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งยังมีจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ในบทความนี้เราจะมาเจาะข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เคล็ดลับการส่งออก และข้อมูลด้านศุลกากรในอินเดียเพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสําเร็จในตลาดนี้

วิธีการส่งออกไปยังอินเดีย

อินเดียเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 1.4 พันล้านคน

อินเดียเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 1.4 พันล้านคน

อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งหรืออันดับสองของโลก ขึ้นอยู่กับการผลศึกษาประชากรที่คุณอ่าน (1,2) ด้วยภาคอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อินเดียจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับธุรกิจที่ต้องการขยายตัวไปสู่ตลาดใหม่

ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศของเราเราได้จัดทำคู่มือในการเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซของอินเดีย อ่านเคล็ดลับพิเศษของเราสําหรับการทําธุรกิจในอินเดีย ตั้งแต่กฎระเบียบด้านศุลกากรไปจนถึงเทรนด์ผลิตภัณฑ์ล่าสุดและพฤติกรรมของผู้บริโภค

ตลาดเติบโตขึ้นกว่า 50% ภายในปี 2030

ตลาดเติบโตขึ้นกว่า 50% ภายในปี 2030

ตลาดอีคอมเมิร์ซของอินเดียตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโตขึ้นในระหว่างปี 2023 ถึง 2030(3) โดย 73.7% จะเป็นการซื้อสินค้าอีคอมเมิร์ซภายในปี 2027 จำนวนผู้ใช้อีคอมเมิร์ซจะอยู่ที่ 57.6% ในปี 2023 และคาดว่าจะแตะ 73.7% ภายในปี 2027 (4)

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับ 4

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับ 4

อินเดียมีภาคอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมี CAGR 13.91% ระหว่างปี 2023 ถึง 2027 มีเพียงบราซิล อาร์เจนตินา และตุรกีเท่านั้นที่คาดว่าจะเติบโตเร็วกว่า โดยค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 11.34% (5,6)

49% ของประชากรเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

49% ของประชากรเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

ประชากรอินเดียน้อยกว่าครึ่งหนึ่งสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 64.6% โดยมีประชากรที่เข้าถึงอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ประมาณ 180-190 ล้านและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (7)

ภาพรวมตลาดสำหรับการส่งออกไปอินเดีย

อินเดียกําลังเติบโตในทุกด้าน การเข้าถึงอีคอมเมิร์ซนั้นยังค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีตําแหน่งใกล้เคียงกัน แต่กําลังขยายตัวอย่างรวดเร็วจึงทําให้อินเดียเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

ตลาดที่กําลังเติบโต

ชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นมีส่วนขับเคลื่อนให้ตลาดในอินเดียเติบโต เพราะผู้ที่มีรายได้มากขึ้นมักจะมีความสามารถในการซื้อสินค้าปลีกทั่วไปได้มากขึ้น แม้ว่าการจัดหมวดหมู่ชนชั้นกลางยังเป็นที่ถกเถียงกัน (นิยามของคำว่า 'ชนชั้นกลาง' คืออะไร?) และยากในการวัดผล แต่ประมาณการกันว่ามีผู้ที่เป็นชนชั้นกลางในอินเดียอยู่ประมาณ 400 ล้านคน ซึ่งเท่ากับจำนวนประชากรทั้งหมดของอเมริกาใต้ แสดงให้เห็นว่าอินเดียถือเป็นกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่และสําคัญมาก

ข้อมูลจาก DHL Trade Growth Atlas พบว่านอกเหนือจากฟิลิปปินส์และเวียดนามแล้ว อินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาดทางการค้าที่จะเติบโตในอนาคตจนถึงปี 2026 

อินเดียมีตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยมีนักช้อปออนไลน์ประมาณ 210-230 ล้านคน (ข้อมูล ณ ปี 2021 ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา) แต่ผู้บริโภคเหล่านี้ซื้ออะไร? และสินค้ามาจากประเทศใดบ้าง? 8

การนําเข้าของอินเดีย

ผู้ใช้อีคอมเมิร์ซในอินเดียซื้อสินค้าจากประเทศใดมากที่สุด

สัดส่วนสินค้าที่ซื้อโดยผู้ใช้อีคอมเมิร์ซนําเข้ามาในอินเดีย ณ เดือนมกราคม 2021 แยกตามประเทศต้นทาง:

 

ทําความเข้าใจตลาดก่อนส่งออกไปยังอินเดีย

ในการขายสินค้าไปยังตลาดใหม่ในต่างประเทศให้ประสบความสําเร็จ คุณต้องเข้าใจพฤติกรรมและความชอบของผู้ซื้อในท้องถิ่น ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้สามารถช่วยคุณในการกำหนดกลยุทธ์การขายและการตลาดของคุณได้

นักช้อปออนไลน์ในอินเดียซื้ออะไรจากต่างประเทศบ้าง (10)

การช้อปบนมือถือ

การช้อปบนมือถือ

จากสถิติในปี 2021 ประชากรอินเดียมีโทรศัพท์มือถือ 1.2 พันล้านคน ซึ่งประมาณ 750 ล้านคนเป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟน โดยภายในปี 2026 อินเดียคาดว่าจะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟน 1 พันล้านคน หากนับเฉพาะผู้ใช้สมาร์ทโฟนของอินเดียเพียงประเทศเดียวพวกเขาจะมีจำนวนมากเป็นอันดับสามของโลก (11) บทเรียนสําคัญ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านค้าออนไลน์ขอรองรับการช้อปบนสมาร์ทโฟน

ปัจจุบันการใช้อีคอมเมิร์ซในอินเดียอยู่ที่ประมาณ 57.6% แต่คาดว่าจะแตะ 73.7% ภายในปี 2027 โดยตลาดอีคอมเมิร์ซจะเติบโต 50% ระหว่างปี 2023 ถึง 20303

ตลาดออนไลน์

ผู้คนหลายร้อยล้านคนใช้ตลาดออนไลน์ทุกเดือนในอินเดีย

ตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอินเดีย ได้แก่ Amazon, Flipkart, Snapdeal, Paytm Mall, Myntra, IndiaMart โดย eBay และ Amazon เป็นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียที่มีผู้เข้าชมมากกว่า 295 ล้านครั้งทุกเดือน ตลาดอื่น ๆ ในระดับเดียวกันคือ Flipkart ของ Walmart โดยมีผู้เข้าชม 167 ล้านครั้งต่อเดือน โดย Flipkart จะเน้นไปที่ด้านการค้าปลีกแฟชั่น 12

วันหยุดช้อปปิ้ง

กระเป๋าเงินดิจิทัล

อินเดียเริ่มมีการใช้ระบบการชําระเงินออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ในอดีตการชำระเงินสด ณ ปลายทางเป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่ปัจจุบันสมาร์ทโฟนและระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลกําลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

วิธีการชําระเงินออนไลน์ที่ต้องการ13

 

ระบบการชําระเงินอื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไปในอินเดีย ได้แก่:

1. Cashfree
2. RazorPay
3. Paytm
4. PayPal
5. PayU
6. CCAvenue

ความท้าทายในการส่งออกไปยังอินเดีย

1. พิธีการทางศุลกากร

อินเดียมีขั้นตอนศุลกากรที่เข้มงวดซึ่งอาจใช้เวลานานและซับซ้อน ผู้ส่งสินค้าต้องจัดเตรียมเอกสารโดยละเอียด เช่น POA (หนังสือมอบอํานาจ) และใบแจ้งหนี้พร้อม คําอธิบาย มูลค่า และปริมาณของสินค้า

คำแนะนำ:
ผู้ส่งสินค้าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจว่าชิปเมนต์จะได้รับการเคลียร์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คุณสามารถทําได้โดยเลือกผู้ให้บริการจัดส่งที่จะแนะนําคุณตลอดกระบวนการ บริการระบบอัตโนมัติทางการค้าของ DHL สามารถช่วยคุณได้ คุณจะต้องลงทะเบียนกับอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศด้วย

2. การปฏิบัติตามกฎระเบียบการนําเข้า

อินเดียมีข้อบังคับเฉพาะที่ควบคุมการนําเข้าผลิตภัณฑ์บางอย่าง รวมถึงอาหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์

คำแนะนำ:
ผู้ส่งสินค้าต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นไปตามกฎระเบียบเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า ค่าปรับ หรือการยึดสินค้า ควรเข้าเว็บไซต์สภาส่งเสริมการส่งออกเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และในฐานะผู้ส่งออกไปยังอินเดีย คุณจะต้องลงทะเบียนกับสภาที่เกี่ยวข้อง บริษัทต่างชาติจะต้องจัดตั้งนิติบุคคลอินเดียที่มีการจดทะเบียนภาษีสินค้าและบริการ (GST) หรือเป็นพันธมิตรกับนิติบุคคลท้องถิ่นของอินเดีย โดยกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมคือผู้ควบคุมการขายออนไลน์ในตลาดอินเดีย

3. ภาษีนําเข้าและอากร

อินเดียเรียกเก็บภาษีนําเข้าและอากรสําหรับผลิตภัณฑ์หลายชนิด ซึ่งอาจทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น

คำแนะนำ:

คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Central Board Of Indirect Taxes & Customs เพื่อดูแบบฟอร์มศุลกากรและสรรพสามิตที่จําเป็นสําหรับการนําเข้าสินค้าไปยังอินเดีย เครื่องมือบริการระบบอัตโนมัติทางการค้าของ DHL หรือ DHL Trade Automation Service Tool (TAS) สามารถช่วยจัดการสิ่งเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

4. ผู้ส่งสินค้าต้องลงทะเบียนกับ Know Your Customer (KYC)

KYC เป็นขั้นตอนบังคับที่หน่วยงานจะต้องส่งเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนและที่อยู่ของผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นการส่งสินค้าส่วนบุคคลไปยังอินเดียหรือเป็นการส่งจำนวนเยอะๆ ในรูปแบบบริษัทก็จำเป็นต้องส่งเอกสาร KYC ไปยังผู้ให้บริการโลจิสติกส์

เนื่องจากควรส่งเอกสาร KYC ให้กับเจ้าหน้าที่ศุลกากรในระหว่างขั้นตอนพิธีการนําเข้า ผู้รับจึงต้องส่งไปยังผู้ให้บริการโลจิสติกส์ก่อนที่สินค้าจะมาถึง หากไม่ได้ส่งเอกสารในเวลานั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้กระบวนการผ่านพิธีการศึกล่าช้า แต่ยังอาจถูกลงโทษในบางกรณี

เอกสาร KYC ที่ผู้รับต้องส่งสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม: หลักฐานยืนยันตัวตนและหลักฐานที่อยู่

คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่นี่

เคล็ดลับในการส่งออกไปยังอินเดีย

ในส่วนนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออกและการจัดส่งในอินเดียของดีเอชแอลจะให้คําแนะนําแก่คุณเพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับการขายสินค้าไปยังอินเดีย

การวิจัยตลาด

 

อินเดียเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและผู้คนจากศาสนาที่แตกต่างกัน คุณควรระบุให้ชัดเจนว่าประชากรของกลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร รวมถึงอายุ รายได้ ตลาดออนไลน์ที่พวกเขาซื้อมากที่สุด แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่พวกเขาใช้ รวมถึงวิธีการชําระเงินที่พวกเขาต้องการ

โดยทั่วไป ผู้ใช้อีคอมเมิร์ซในอินเดียกําลังมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นในปี 2021 ผู้หญิงซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น โดย 43% ของนักช้อปออนไลน์รายใหม่เป็นผู้หญิงและ 57% เป็นผู้ชาย เทียบกับปี 2015 ซึ่งมีเพียง 32% และ 68% ตามลำดับ ประชากรกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไปก็เติบโตขึ้นเช่นกันและปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มนักช้อปออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ตามมาด้วยกลุ่มอายุ 25 ถึง 34 ปี 14

อะไรที่กําลังมาแรงในอินเดีย

1. ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น

2. การวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นเป็นที่นิยม

3. ผู้บริโภคกําลังมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

4. การช้อปปิ้งบนมือถือ/สมาร์ทโฟนกําลังเพิ่มขึ้น

5. โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อมากขึ้น

ค้นหากลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสม

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโซเชียลชั้นนําในอินเดีย ได้แก่ Meesho (เสื้อผ้า) Shopsy ของ Flipkart (ผลิตภัณฑ์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์) และ Shop101 (แพลตฟอร์มตัวแทนจําหน่าย) แพลตฟอร์มเหล่านี้อนุญาตให้ผู้ขายและผู้ค้าปลีกขายสินค้าโดยแชร์บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย การตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ก็เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมเช่นกัน มีแพลตฟอร์มการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์หลายแห่งในอินเดียที่สามารถช่วยเชื่อมโยงธุรกิจกับเหลาอินฟลูฯ เช่น Ainfluencer และ Confluencr

การมอบความสะดวกและง่ายให้แก่ลูกค้า

เช่นเดียวกับตลาดอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ ประสบการณ์ออนไลน์ที่ใช้งานง่ายและตัวเลือกการชําระเงินที่ง่ายนั้นมักได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในอินเดีย ความง่ายในการใช้งานและความสะดวกสบายเป็นปัจจัยที่สําคัญมากสําหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ในอินเดีย จากการศึกษาพบว่า 32% ของนักช้อป มองว่าความง่ายและความสะดวกในการใช้งานเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสําหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ 15

สิ่งสําคัญคือธุรกิจที่ทำการค้าระหว่างประเทศต้องทํางานร่วมกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เพื่อช่วยเหลือและแนะนำคุณในการเดินพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อน และเพื่อให้แน่ใจว่าชิปเมนต์จะได้รับการเคลียร์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเช่น บริการ DTP (Duty and Taxes Paid) ของ DHL หรือบางครั้งเรียกว่า Delivered Duty Paid (DDP) ช่วยให้ลูกค้าของคุณได้รับประสบการณ์การซื้อที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก เพราะผู้ขายสามารถรวมอากรขาเข้า ภาษี และค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้า ทําให้ผู้บริโภคชาวอินเดียสามารถรับสินค้าได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม DHL DTP เป็นเครื่องมืออันมีค่าที่จะช่วยคุณขยายตลาดอินเดียด้วยการมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่ยุ่งยาก ซึ่งสามารถช่วยสร้างความภักดีของลูกค้าและเสริมสร้างแบรนด์ของคุณ

เริ่มอยากขายของไปยังอินเดียหรือยัง

ขั้นแรกคือการเปิดบัญชีธุรกิจของ DHL Express เพื่อรับคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดส่งระหว่างประเทศและรับอัตราค่าจัดส่งที่แข่งขันได้

สมัครบัญชีวันนี้