เพราะเหตุใดความยั่งยืนในด้านโลจิสติกส์จึงมีความสําคัญ อะไรคือความแตกต่างระหว่างการลดคาร์บอนจากข้างในแบบ insetting และการชดเชยคาร์บอนแบบ offsetting และการขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนต่ำมีจริงหรือเปล่า
นี่เป็นเพียงคําถามบางส่วนเกี่ยวกับความยั่งยืนที่ DHL Express จะได้รับจากลูกค้าเสมอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ลูกค้าของเรากำลังมองหาแนวทางมาช่วยสนับสนุนความยั่งยืนขององค์กรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจข้ามชาติที่มีระบบซัพพลายเชนซับซ้อน หรือองค์กรขนาดเล็กที่จะมองหาจุดเริ่มต้นในเส้นทางความยั่งยืน DHL Express คือผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งในโลจิสติกส์ พร้อมนำทางสู่โซลูชันโลจิสติกส์ที่ปล่อยมลพิษต่ำ
พบกับผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนของ DHL Express คุณ Michiel Greeven รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Global Commercial คุณ Noelle Froehlich ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส Clean Operations และคุณ Bettina Paschke รองประธานฝ่ายบัญชี ESG การรายงานและการควบคุม ที่จะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนที่สามารถช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
องค์ประกอบสําคัญของโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน
สํานักงานสิ่งแวดล้อมยุโรปคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 โลจิสติกส์จะเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 40% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก เว้นแต่จะมีการใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพเข้ามาจัดการ ธุรกิจทุกขนาดจึงเริ่มพิจารณาการมีส่วนร่วมของตนเองในสถิตินี้ และการเปลี่ยนแปลงที่แต่ละองค์กราสามารถทําได้เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่โลก
การใช้กลยุทธ์การปล่อยมลพิษต่ำสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณลดของเสียและความไร้ประสิทธิภาพได้ ซึ่งนําไปสู่การประหยัดต้นทุน นอกจากนี้ การสํารวจโดย McKinsey2 พบว่า 66% ของผู้บริโภคคํานึงถึงความยั่งยืนเมื่อซื้อของ ซึ่งหมายความว่านโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของธุรกิจคุณสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
ความแตกต่างของ Offsetting (การชดเชยคาร์บอน) และ Insetting (การลดการปล่อยคาร์บอนจากข้างใน)
ธุรกิจที่หาข้อมูลเรื่องแนวทางปฏิบัติด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนอาจเจอคําว่า "carbon offsetting" หรือ "การชดเชยคาร์บอน" และก็ยังมี "carbon insetting" หรือการลดคาร์บอนจากข้างใน ฟังดูคล้ายกัน แต่อย่าเพิ่งสับสน
Carbon offsetting หรือการชดเชยคาร์บอน เกี่ยวข้องกับการคํานวณการปล่อยมลพิษที่ธุรกิจของคุณผลิต จากนั้นลงทุนในโครงการภายนอกธุรกิจเพื่อชดเชยฟุตพริ้นท์ที่คุณสร้างขึ้น เช่น โครงการอนุรักษ์ธรรมชาติ
Carbon insetting หรือการลดคาร์บอนจากภายใน มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงโดยตรงภายในซัพพลายเชนของคุณ เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นทาง ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียน หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายในกระบวนการผลิต
เป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดว่า carbon insetting ได้ผลดีมากกว่า carbon offsetting เพราะเป็นวิธีเดียวที่บริษัทต่างๆ สามารถลดการปล่อยมลพิษได้อย่างแท้จริง ดังที่ฟอรัมเศรษฐกิจโลกระบุว่า "การต่อสู้กับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นจะไม่ได้รับชัยชนะจนกว่าองค์กรจะเริ่มลดคาร์บอนในห่วงโซ่คุณค่าของตนเองเพื่อรวมโซลูชันและการดําเนินงานที่เป็นบวกต่อธรรมชาติมากขึ้น" 3 ธุรกิจที่จริงจังกับการลดการปล่อยคาร์บอนควรประเมินการดําเนินงานของซัพพลายเชนเพื่อดูว่าการปล่อยคาร์บอนส่วนใหญ่อยู่ที่ใด จากนั้นกําหนดเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนออกมา
ฉันจะทําให้โลจิสติกส์ของฉันยั่งยืนได้อย่างไร
ด้วยความคาดหวังของลูกค้าที่ต้องการการจัดส่งที่รวดเร็วเป็นพิเศษ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่การปล่อยคาร์บอนจากโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซคาดว่าจะสูงถึง 25 ล้านเมตริกตัน ภายในปี 20304
แต่ธุรกิจของคุณมีส่วนช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ เพียงจัดลำดับให้โซลูชันการจัดส่งที่ยั่งยืนมีความสำคัญเพิ่มขึ้น
- เปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน บริการ GoGreen Plus ของ DHL Express เป็นโซลูชันเฉพาะที่จะช่วยให้ธุรกิจลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ผ่านการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels - SAF) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงยั่งยืนที่ผลิตจากวัสดุหมุนเวียน รวมถึงน้ำมันพืชและไขมันสัตว์ SAF สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล
- ลดอัตราการส่งของที่ไม่สำเร็จด้วยการจัดส่งแบบออนดีมานด์ (On Demand Deliver - ODD) ของ DHL Express ยิ่งพยายามส่งซ้ำหลายๆ ครั้งก็จะทําให้ธุรกิจของคุณเสียเงินมากขึ้น และเพิ่มการปล่อยมลพิษจากการขนส่ง แต่ ODD จะช่วยให้ลูกค้าของคุณสามารถเลือกตัวเลือกการจัดส่งที่ยืดหยุ่นได้หลากหลาย เช่น เลือกเวลาจัดส่งใหม่ (ให้ตรงกับช่วงที่กำลังจะถึงบ้าน แทนที่มาถึงบ้านแล้วไม่เจอผู้รับ) หรือเลือกที่จะฝากพัสดุไว้กับเพื่อนบ้านหรือที่ตู้เก็บพัสดุ (parcel locker) ซึ่งหมายความว่า ลูกค้าของคุณจะปรับตัวเลือกการจัดส่งที่ตรงความต้องการของเขาได้มากที่สุด ช่วยเพิ่มโอกาสที่คูเรียร์ของเราจัดส่งของให้ถึงมือลูกค้าของคุณได้สำเร็จในครั้งแรก ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยมลพิษด้วยนั่นเอง
- เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งไมล์สุดท้ายด้วย AI ถ้าคุณต้องส่งของให้ลูกค้าหลายครั้งต่อวัน ด้วยรถขนส่งของคุณเอง ลองใช้ซอฟต์แวร์การวางแผนเส้นทางมาช่วยวางแผนการเดินทางให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมักจะคํานึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ระยะทาง การจราจรแบบเรียลไทม์ ความจุของยานพาหนะ และกรอบเวลาจัดส่ง ทั้งหมดนี้หมายความว่าสินค้าถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้น และธุรกิจของคุณลดการใช้เชื้อเพลิงด้วย แต่ถ้าคุณไม่ได้มีรถขนส่งของตัวเอง แนะนำให้เลือกผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ เช่น DHL Express
"4 A" ของโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนคืออะไรบ้าง
จำง่ายๆ ว่าโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนประกอบด้วย 4 A ด้วยกัน คือ Availability (ความพร้อมใช้งาน) Affordability (ความสามารถในการจ่าย) Acceptability (การเป็นที่ยอมรับ) และ Adaptability (การปรับตัว) สามารถนำหลัก 4 A นี้ไปใช้กับธุรกิจได้เพื่อวางแผนและจัดสรรทรัพยากรให้มีแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน
ความพร้อมใช้งาน
เทคโนโลยีใดที่มีอยู่แล้วตอนนี้และช่วยคุณได้บ้าง ซอฟต์แวร์ที่สามารถพยากรณ์ปริมาณสินค้าคงคลังเพื่อลดการสต็อกของมากเกินจำเป็น หรือจะเป็น AI ที่สามารถติดตามและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายในคลังสินค้าของคุณ หรืออาจจะเป็นยานพาหนะไฟฟ้าที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากการขนส่งของคุณ
ความสามารถในการจ่าย
แม้ว่ากลยุทธ์การปล่อยมลพิษต่ำหลายกลยุทธ์ต้องใช้การลงทุนล่วงหน้า เช่น การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ แต่การลงทุนนี้ทำให้ประหยัดต้นทุนได้ในระยะยาว ซึ่งถือว่าคุ้มค่า นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทันที เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ช่วยได้จริง
การเป็นที่ยอมรับ
อะไรคือกลยุทธ์ด้านการดำเนินงานที่เป็นไปได้สำหรับคุณ SME อาจได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อลดผลกระทบต่อการดําเนินงานในแต่ละวัน
การปรับตัว
เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น ให้ทบทวนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของคุณเพื่อประเมินความสําเร็จ และเต็มใจที่จะปรับให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจใหม่ๆ
ขั้นตอนแรกสู่ความยั่งยืนมากขึ้นคืออะไร
สําหรับ SME ที่มีทรัพยากรจํากัด การใช้กลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ที่ปล่อยมลพิษต่ำไม่จําเป็นต้องทำให้ซับซ้อน มีการเปลี่ยนแปลงที่ใช้ต้นทุนต่ำและทำได้ทันทีหลายอย่างซึ่งธุรกิจ SME สามารถทําได้เพื่อให้ธุรกิจมีความยั่งยืนมากขึ้น
- ลดการใช้พลังงาน ปิดไฟ คอมพิวเตอร์ และเครื่องจักรเมื่อไม่ใช้งาน หรือติดตั้งระบบการจัดการสาธารณูปโภคสามารถเพื่อช่วยให้ติดตามและลดการใช้พลังงานของคุณได้
- มองหาซัพพลายเออร์ที่มีการรับรองด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะ เช่น Fairtrade International
- ติดตั้งสถานีรีไซเคิล รอบสํานักงานและภายในคลังสินค้าของคุณ
- ให้ความรู้แก่พนักงานของคุณ "ลด นํากลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล" ทำให้เกิดขึ้นจริงให้ได้
- เปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เลือกใช้วัสดุที่รีไซเคิล นํากลับมาใช้ใหม่ และย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เป็นตัวเลือกอันดับแรก
- รับคําติชมจากลูกค้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ลูกค้าต้องการเห็นจากแบรนด์ของคุณ
- เลือกพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน DHL Express มีโซลูชันการขนส่งที่หลากหลายเพื่อช่วย SME ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากขนส่ง ผู้เชี่ยวชาญของเราจะประเมินความต้องการเฉพาะของธุรกิจคุณและแนะนําโซลูชันที่เหมาะสมโดยยังคงขนส่งได้รวดเร็วและมอบบริการขนส่งที่มีคุณภาพเหมือนเดิม
ทําแบบทดสอบความยั่งยืนของเรา
ทําแบบทดสอบความยั่งยืนของเรา
มาดูกันว่าธุรกิจของคุณอยู่ที่ไหนในเรื่องความยั่งยืน พร้อมรับเคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ธุรกิจคุณมีแนวทางด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้น มาทำแบบทดสอบกันเลย!
ทําแบบทดสอบ