ประกาศสำคัญเกี่ยวกับการนำเข้าอาหาร นำเข้ายา นำเข้าผลิตเสริมอาหารและนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์มาประเทศไทย กับ DHL Express
- ไม่อนุญาตให้นำเข้ายารักษาโรค (กินหรือใช้ภายนอก) เพื่อใช้ส่วนตัว ผ่านการขนส่งด่วนทางอากาศระหว่างประเทศ (บริการคูเรียร์)
- การนำเข้าอาหาร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ส่วนบุคคล ต้องมีใบอนุญาตในการนำเข้าและได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องมีหนังสือชี้แจงวัตถุประสงค์ในการนำเข้า เพื่อรับรองว่าสินค้านั้นมิได้นำเข้ามาเพื่อการค้า
- ก่อนการผ่านพิธีการศุลกากร ผู้นำเข้าจะต้องลงทะเบียนกับกรมศุลกากรไทย และเสนอชื่อ DHL Express (Thailand) Ltd เพื่อเป็นตัวแทนออกของ
สำหรับผู้นำเข้าคนไทย
สามารถลงทะเบียนผู้มาติดต่อออนไลน์กับกรมศุลกากรได้สะดวกมากยิ่งขึ้นที่ https://www.customstraderportal.com พร้อมยืนยันตัวตนผ่านธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ตู้เอทีเอ็มและแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง
สำหรับผู้นำเข้าชาวต่างชาติ
ต้องใช้หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงานและประทับตราการผ่านเข้าประเทศล่าสุด (ขั้นตอนการลงทะเบียนอาจใช้เวลาถึง 3-4 วัน)
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณา DHL Express ที่แผนก Customs Clearance ที่เบอร์ 02-135-0000 หรือ อีเมล EXPRESS-HUB-CONTACT_CENTRE@dhl.com
แนวทางปฏิบัติในการนำเข้าอาหารและนำเข้าเครื่องสำอางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อใช้ส่วนบุคคล
สามารถศึกษาได้ที่ https://logistics.fda.moph.go.th/related-laws/personal-use-food
- นำเข้าอาหาร – อนุญาตเฉพาะในปริมาณที่เหมาะสม
- นำเข้าเครื่องสำอาง - อนุญาต 3 ชิ้น
- นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร - รวมจำนวนทั้งหมดไม่เกิน 15 ชิ้น และอนุญาตให้นำเข้าในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการบริโภค 3 เดือนเท่านั้น
- นำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ – เช่น เครื่องนวด อุปกรณ์ใดๆที่สามารถวัดความดันโลหิตหรืออัตราการเต้นของหัวใจ อนุญาตให้นำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัวได้ 1 ชิ้นและต้องมีใบรับรองแพทย์ (จากแพทย์ชาวไทย) เพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยต้องการอุปกรณ์นี้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี
หากนำเข้ามาในปริมาณที่เกินข้อกำหนดข้างต้น จำเป็นต้องมีใบอนุญาตในการนำเข้า ชิปเมนต์ที่ไม่มีใบอนุญาตนำเข้า หรือไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือชิปเมนต์ที่อยู่ในคลังสินค้าของ DHL มากกว่า 30 วัน นับเป็นของตกค้างและอาจถูกนำไปทำลาย